ภูทับเบิกวันเดียวไปกลับ !!
ไม่ผิดครับ ทริปนี้ของผมเป็นทริปไปสูดอากาศกับชมหมอกที่ภูทับเบิก โดยออกเดินทางตั้งแต่ตี 2 เพื่อให้ไปเช้าที่ภูทับเบิกพอดี เพื่อที่จะได้ชมหมอกตอนเช้าๆ แบบสดชื่นๆ
อันที่จริงแล้วการไปเทียวภูทับเบิกนั้น เป็นไปได้ก็ควรค้างสักคืนนึง เพื่อให้การเดินทางนั้นไม่เเหนื่อยจนเกินไปและได้สูดอากาศบริสุทธิ์บนภูทับเบิกได้เต็มที่
ผมมาถึงจุดสูงสุดของภูทับเบิก 6 โมงกว่าๆ แล้ว ภูทับเบิกหน้าฝน วันนี้อากาศเย็น ถึงขั้นหนาวกันเลยทีเดียวครับ อุณหภูมินั้นอยู่ที่ 18 องศา แต่ที่ทำให้หนาวนั้นคือลมครับ บอกได้เลยว่า ลมพัดแรงมาก ทำให้คนผิวหนาอย่างผม ยังต้องปากสั่นเลยทีเดียว
เมื่อพูดถึงภูทับเบิก หลายคนคงจะคาดหวังถึง “ทะเลหมอก” ผมเองก็เช่นกันครับ เพราะเมื่อคราวก่อน ผมมาภูทับเบิกประมาณเดือนนี้ ผมได้เห็นทะเลหมอกแบเต็มๆ
แต่คราวนี้ มันคนละอย่างกัน ภูทับเบิก 2015 ภูทับเบิก 2012
ภูทับเบิกวันนี้ท้องฟ้าปิดสนิท ไม่มีแดดแม้แต่แสงเดียว อีกทั้งลมพัดตลอดเวลา ทำให้หมอกฟุ้งและไหลตลอดเวลา เมื่อสภาพอากาศแบบนี้ คงยากที่จะเจอทะเลหมอกแบบปุยๆ ขาวๆ
แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมนะครับ ขอแค่มีหมอกทั้งวัน บวกกับอากาศสดชื่นแค่นี้ผมก็พอใจแล้ว
ภูทับเบิกนั้นนอกจากจุดสูงสุดแล้ว ก็ยังมีจุดอื่นที่ให้ชมหมอกอีกหลายจุดครับ ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวข้างทางทั่วไป หรือวิวจากที่พัก
ดังนั้นที่พักภูทับเบิกแต่ละที่ ก็พยายามหาทำเลที่ดีให้ลูกค้าได้สัมผัสหมอกกันถึงที่พัก และคุณจะไม่แปลกใจว่าทำไมจุดชมวิวดีๆ จึงมีที่พักผุดขึ้นเต็มไปหมด
วันนี้ผมได้แวะไปที ไร่ริมผาครับ ซึ่งผมมองว่าเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่เรียกได้ว่าแจ่ม ที่นี่นอกจากจะมีห้องพักแล้ว ก็ยังมีบริการสถานที่กางเต๊นท์กันด้วยนะ
ถ้าหากวันไหนที่มีแสงอาทิตย์หน่อย หมอกจะจับตัวกันเป็นทะเลหมอกและคุณสามารถชมได้จากเต๊นท์หรือห้องพักของคุณกันเลยทีเดียว แต่หากใครไม่ได้พักที่นี่ ก็สามารถเดินทางมาชมทะเลหมอกได้เช่นกันครับ
มาถึงภูทับเบิกไม่พูดถึง”กะหล่ำปลี” สักหน่อยก็คงจะไม่ได้เนาะ เพราะเป็นสิ่งที่ชูหน้าชูตาของภูทับเบิก ถึงแม้ปัจจุบันไร่กะหล่ำ จะถูกแทนทีด้วยรีสอร์ทสีลูกกวาด ไปเป็นจำนวนมาก แต่ใช่ว่าเราหาดูไร่กะหล่ำไม่ได้นะครับ แต่เราอาจจะต้องขับรถไปไกลๆ จากจุดสูงสุดของภูทับเบิกสักหน่อย
เป้าหมายต่อไปของผมคือ “ภูแผงม้า” ซึงอยู่ติดกับภูทับเบิกนั่นแหละครับ เพียงเราขับรถไปทางภูหินร่องกล้า จ่ายค่าธรรมเนียมอุทยานเสร็จ เพียงประมาณ 20 เมตร เราก็จะเจอ
ทางเข้าภูแผงม้า
ภูแผงม้า เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยงามอีกจุดนึง แต่วันนี้ผมมาซะเกือบเที่ยง อีกทั้งฟ้าปิดซะขนาดนี้ คงได้แค่ชมหมอกและวิวภูแผงม้าเท่านั้น เราต้องเดินเท้าไปยังจุดชมวิวประมาณ 500 เมตรครับ ไม่ไกลมาก ไม่ต้องกังวลนะ
ผมยืนลุ้นกันนานประมาณ 30 นาที ว่าเมื่อไหร่หมอกจะเปิดให้เห็นภูแผงม้า..แต่วันนี้เป็นวันของหมอกจริงๆ ครับ หมอกหนามาก ได้เห็นภูแผงม้าแค่เพียงแว๊บๆ เท่านั้น
แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสนะครับ เพราะอย่างที่บอกว่าทริปนี้ของผม เน้นมาสูดอากาศแบบชิลล์ๆ
ขากลับลงจากภูทับเบิกนั้น ผมไม่พลาดที่แวะชิมกาแฟที่ร้าน ” พิโนลาเต้ ” ซึ่งเป็นร้านกาแฟดังตอนนี้ เพราะวิวจากร้าน สามารถเห็นวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วท่ามกลางสายหมอก ได้แบบถนัดตาเลยล่ะ
แต่ก็นะอย่างที่ผมบอกว่า วันนี้เป็นวันของหมอกจริงๆ มันหนาซะจนมองไม่เห็นอะไรเลย 55+
เป้าหมายสุดท้ายของวันนี้ของ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ผมมาที่วันนี้หลายครั้งแล้ว ก็จริงแต่ก็อดไม่ได้ ที่จะแวะถ่ายภาพสักหน่อย ท่านใดที่จะไปที่วันนี้ ผมแนะนำให้ไปวันธรรมดานะ เพราะคนจะไม่เยอะมากอีกทั้งควรไปแต่เช้านะครับ
ตายล่ะ เที่ยวมาทั้งวัน ยังไม่ได้กินอะไรเลย ขากลับเลยต้องแวะชิมไก่ย่างวิเชียรบุรี สักหน่อย ลองมาหลายร้านล่ะ คราวนี้เลยจัดที่ “ร้านตาแป๊ะ2”
สำหรับผมแล้ว ไก่ย่างวิเชียรบุรี กินร้านไหน ก็รสชาติไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่นะ แต่อันนี้มันขึ้นอยู่กับลิ้นและความชอบของแต่ละคนเนาะ
จบแล้วคับ ทริปภูทับเบิกวันเดียวไปกลับ ผมอาจจะเที่ยวไม่เยอะเท่าไหร่นัก เพราะเน้นไปชมหมอกและสูดอากาศ แต่นายหัวคอนเฟิร์มนะครับ ว่าถึงแม้ทิวทัศน์ภูทับเบิกจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่อากาศและสายหมอก ณ ภูทับเบิก…ยังไม่เคยเปลี่ยน
ชมบรรยากาศจริงของภูทับเบิก พร้อมตัวจริงเสียงจริงของนายหัว ตามคลิปด้านล่างนี้เลยครับ
ติดตามนายหัวผ่าน Youtube ได้ที่ช่อง
ไม่อยากพลาดทริปของนายหัว อย่าลืมกด Subscribe ด้วยนะครับ
ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณมากมาย ขอบคุณอย่างแรง…นายหัว