กระบี่เป็นจังหวัดที่ผมมีข้อมูลการท่องเที่ยวอยู่ในหัวมากที่สุด เพราะผมวางแผนไปทัวร์กระบี่หลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยได้ไปสักที ผมไปกระบี่ครั้งสุดท้ายก็ตอนอายุ19โน่นแน่ะ ตอนนั้นไปดูแลร้านเกมส์อยู่ที่เกาะลันตาน้อย และแอบหนีไปเที่ยวเกาะลันตาใหญ่อยู่บ่อยๆ
ทะเลกระบี่จะมีลักษณะคล้ายกับทะเลตรังตรงที่น้ำจะใสสีเขียวมรกต หากเราสังเกตให้ดีทะเลกระบี่จะแตกต่างกับทะเลทางภูเก็ต พังงา ซึ่งโซนนั้นสีน้ำทะเลจะเป็นสีฟ้าคราม ตัวอย่างเช่น เกาะสิมิลัน เกาะตาชัย เกาะไข่ และเกาะไม้ท่อน เป็นต้น
มาคราวนี้ผมมีเวลาแค่วันเดียว แต่ก็เกินพอสำหรับทัวร์กระบี่ 1วัน 4เกาะ ซึ่งเดินทางจากภูเก็ตโดยเรือใหญ่ อันที่จริงทัวร์กระบี่จากภูเก็ตนั้น เราสามารถเลือกเรือได้ทั้งแบบเรือใหญ่และ Speed Boatครับ อาจมีความแตกต่างกันเรื่องราคาและเวลาการเดินทาง ส่วนตัวผมขึ้นอยู่กับอารมณ์ล้วนๆ หากวันไหนอยากนั่งชมวิวเรื่อยๆ ชิลล์ๆ เรือใหญ่จะเป็นคำตอบของผม และที่สำคัญคือประหยัดงบลงมานิดหน่อย(ข้ออ้างของคนเป๋าแบน)
ใช้เวลาเดินทางเพียง 10 นาที จากที่พักในตัวเมืองภูเก็ตไปยังท่าเรือรัษฏา จากนั้นจะใช้เวลาอีก 1.45 ชั่วโมง เพื่อไปยังท่าเรือหาดนพรัตน์ธาราที่จังหวัดกระบี่
หากใครคิดว่าเวลาเดินทางมันนานเกินไป ก็ให้เลือกใช้ Speed Boat แทนนะครับ
นั่งชมวิวไปบ้าง หลับบ้างไรบ้าง ผมถึงท่าเรือหาดนพรัตน์ธาราแล้วครับ วันนี้อากาศดีมาก
เรือจะถ่ายผู้โดยสารไปยัง speed boat ที่มารอรับ ตามแพ็กเกจทัวร์ของแต่ละคนครับ
ของผมเป็น Speed Boat ลำนี้นี่แหละ พร้อมแล้วเราไปลุยทะเลกระบี่กันเลย
สวยสมกับเป็นกระบี่ที่เคยรู้จักจริงๆ ครับ ทะเลสมบูรณ์มากๆ นี่แค่เพิ่งเริ่มเองนะ
เป้าหมายแรกของผมวันนี้คือ หาดถ้ำพระนาง และตอนนี้ก็มาถึงแล้วครับ ใช้เวลาแป๊บเดียวเอง
ลงเรือเหยียบหาดกันแล้ว ก็ไม่พลาดที่จะต้องเก็บภาพกันหน่อย
เราสามารถเดินไปทางซ้ายหรือขวามือของเราก็ได้ครับ เพราะจุดนี้เพียงแวะเที่ยวหาดเท่านั้น
บนเกาะจะมีที่พักที่เดียวนั่นคือ “โรงแรมรายาวดี ” เค้าบอกว่าเป็นรีสอร์ท 5 ดาวเลยนะ
ตัวโรงแรมจะกินพื้นที่บนเกาะทั้งหมดครับ ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักที่นี่ ก็สามารถเดินเล่นถ่ายภาพได้แค่บนหาดเท่านั้น
เราเดินไปชมวิวให้สุดหาดกันก่อนดีกว่าครับ ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะเยอะไปกว่านี้
ดีหน่อยที่บนหาดพระนางมีร่มไม้ให้หลบแดดอยู่บ้างครับ เพราะแดดบ้านเราทุกวันนี้มันแรงดีเหลือเกิน
ที่หาดนี้เล่นน้ำได้อย่างปลอดภัยครับ น้ำไม่ลึกมาก แต่ก็ไม่ตื้นเกินไป
มุมสงบแบบนี้หาจังหวะได้ยากมากที่หาดนี้ โชคดีที่ผมมาชุดแรกๆ คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ครับ
ที่หาดพระนางมีกิจกรรมปีนหน้าผาด้วยครับ ผมได้แค่มองอะนะ อวบๆ แบบผมไปไต่รับรอง เชือกขาด!!
สุดหาดจะเป็นถ้ำพระนาง มีศาลอยู่ตรงนั้นด้วย ผมไม่ขอถ่ายภาพล่ะกันนะ
บริเวณศาลจะมีรูปปั้น และหินที่เป็นรูปองคชาติเต็มไปหมด ผมเลยเอาภาพสบายๆ ตา มาให้ชมกันดีกว่า
แหมมม๊ ถ้าได้พักที่ รายาวดีสักคืน มุมแบบนี้ตอนเย็นๆ คงแจ่มน่าดู
ผมชอบทะเลแบบนี้แหละครับ มีกิ่งไม้ใบไม้บ้างนิดหน่อย ทำให้รู้สึกเป็นธรรมชาติดี
อย่าให้เสียเวลาเราเดินย้อนกลับไปชมบริเวณที่เรือจอดกันอีกที ก่อนจะเดินย้อนไปอีกฝั่งของหาด
อย่างที่ผมบอกเลยครับ ว่ากระบี่นั้นน้ำใสเขียวมรกตเหมือนตรังเลย เห็นแล้วมันน่าโดดจริงๆ เลยเชียว
เรือที่นำนักท่องเที่ยวมาที่หาดพระนาง จะมีทั้งเรือหางยาว และSpeed Boatซึ่งเราสามารถเลือกแพ็กเกจได้ตอนซื้อทัวร์นะครับ
แดดร้อนเพียงใดแต่น้ำทะเลที่นี่ก็เย็นนะขอบอก ไม่เชื่อถามเจ้าหนูน้อยคนนี้ได้เลย
จุดขายของหาดพระนาง ก็คือสักการะถ้ำพระนาง เล่นน้ำ และก็เดินชมวิวครับ ดังนั้นทัวร์จะให้เวลาเราที่นี่ไม่มากนัก
หากเราเดินไปให้สุดหาด จะมีเรือขายอาหารของชาวบ้านด้วย ราคานั้นก็แพงกว่าทั่วไปเป็นธรรมดา แต่ก็มีป้ายบอกราคาชัดเจนนะ
หมดเวลาที่หาดพระนางแล้ว เราไปต่อกันที่เกาะไก่ ที่นี่เราได้แค่แวะถ่ายรูปครับ เกาะไก่ด้านหน้าไม่มีหาดให้ลงไปเดินเล่นได้
แต่จุดนี้เราจะแวะดำน้ำดูปลากันครับ วันนี้น้ำใสกิ๊ง เลยได้เห็นปลาชัดๆ กันแบบนี้
ทริป 1 วันได้เที่ยว 4 เกาะ แถมได้ดำน้ำด้วย ผมมองว่าสุดคุ้มจริงๆ ครับ ปลาเยอะซะด้วย
ปลาที่เห็นไม่ต้องเอาขนมปังไปล่อนะครับ เค้าว่ายมาหาเราเอง อาจจะเป็นเพราะมีคนเอาขนมปังไปให้บ่อยๆ เค้าเลยชินคิดว่ามีคนจะมาให้อาหาร..มั้ง
ดำน้ำแบบใกล้ชิดกับเจ้าปลาลายเสือกันแล้ว ต่อไปก็ได้เวลาขึ้นเกาะครับ
เรามาะแวที่เกาะไก่ด้านหลัง ที่นี่จะเป็นที่พักทานมื้อเที่ยงและเป็นที่พักรอน้ำลง
บริเวณนี้น้ำจะตื้นมาก เรือเข้าถึงหาดไม่ได้ เราเลยต้องเลงเดินกันเองครับ
ขวามือที่เห็นสุดขอบภาพนั้นคือ “เกาะทับ” ซึ่งเดี๋ยวพอน้ำลง จะกลายเป็นทะเลแหวก เราจะเดินเท้าข้ามทะเลไปยังที่นั่นกัน
ก่อนขึ้นฝั่งที่เกาะไก่ ให้ระวังกันนิดนึง ชายหาดที่นี่จะมีหินเยอะ อาจสะดุดล้มหรือโดนหินบาดเอาได้
เป้าหมายของทุกคนตอนนี้พุ่งไปที่มื้อเที่ยงกันหมดครับ ขวามือของหาดที่เกาะไก่เลย มีสภาพโล่งๆ แบบนี้แหละ
ตอนนี้น้ำยังสูงอยู่ครับ เรายังเดินเท้าไปยังเกาะทับไม่ได้ ต้องรอหลังจากกินมื้อเที่ยงกันเสร็จโน่นแหละถึงจะข้ามได้
ป่ะ อย่ารอช้าเลย ผมเองก็หิวแล้วเหมือนกัน
อาหารเที่ยงของทัวร์นี้จัดว่าแหล่มนะ ถูกปากคนไทย ชาวต่างชาติก็กินได้
น่องไก่ชิ้นเบ้อเร่อเลย กะว่าจะเบิ้ลสักหน่อย โดนเข้าไปชิ้นเดียว..จบ
มีป้ายบอกไว้อย่างชัดเจนครับ ว่าถ้าน้ำยังสูงห้ามข้ามไปเกาะทับ ดังนั้นกินข้าวเสร็จแล้ว แต่ทะเลยังไม่แหวกเราก็ต้องนั่งรอ
ต้องบอกเลยครับว่า ฝั่งเกาะไก่นั้นมีต้นไม้ให้หลบร่มน้อยมาก หากคนเยอะๆ นี่ ต้องยืนตากแดดกันเลยนะ ใครไปเที่ยวทะเลเแหวกก็เตรียมหมวก หรือผ้าคลุมให้พร้อมล่ะกัน
ยังข้ามไม่ได้ ผมก็ต้องเดินพล่านไปเรื่อยล่ะครับ มองจากมุมนี้ จะเห็นว่าทะเลค่อยๆ แหวก จนเริ่มเห็นพื้นทรายแล้วล่ะ
หลายคนที่ต้องการจะเล่นน้ำรอทะเลแหวก อาจจะต้องผิดหวังนิดหน่อยนะ เพราะหาดแถวนี้เป็นหินครับ
อีกฝั่งของหาดก็เป็นหินเช่นเดียวกัน แต่วิวสวยเลยทีเดียวล่ะ
ศาลาอันซีน มีไว้ให้เจ้าหน้าที่คอยสอดส่องดูแลนักท่องเที่ยวครับ ทีแรกผมจะเข้าไปหลบแดดสักหน่อย แต่เค้าห้ามเข้าซะงั้น
เอาล่ะครับ ได้เวลาเดินข้ามทะเลแหวกกันล่ะ ไปกันเลยดีกว่า
เมื่อหันหลังให้เกาะไก่แล้ว เราจะไม่ย้อนกลับครับ เพราะเรือจะไปจอดรอที่ฝั่งเกาะทับเลย
ระหว่างทางเดินทะเลแหวกจะเริ่มมีเรือเข้ามาจอดเยอะขึ้นครับ นั่นแสดงว่าน้ำเริ่มลงแล้ว
ทะเลแหวกเป็นความอัศจรรย์ของธรรมชาติ แบบนี้สิถึงจะ Unseen ของจริง
ระหว่างทางเราจะเจอกับน้ำทะเลใสกิ๊งแบบนี้ครับ
เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ผมถ่ายใต้น้ำมาให้ดูเลย ว่ามันใสแค่ไหน
บางคนเค้าจะรอจนกว่าทะเลแหวกจนเห็นทรายสีขาวๆ แต่ผมทนไม่ไหวจริงๆ ..ลุยก่อนเลย
มองย้อนกลับไปยังเกาะไก่อีกที ตอนนี้นักท่องเที่ยวเริ่มทะยอยเดินกันมาแล้วครับ
ระหว่างทางเดินบนทะเลแหวก เราสามารถเล่นน้ำได้นะครับ แต่อย่าไปเกะกะทางเดินเค้าล่ะ
ใครชอบถ่ายภาพก็ลองเดินไปกลับสองเกาะนี้ดูครับ เผื่อได้มุมเยอะขึ้น แต่ก็ระวังตกเรือด้วยนะ
เกาะปลายทางของผมนั้นคือ เกาะทับครับ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เห็นในภาพถือว่าน้อยอยู่สำหรับวันหยุดแบบนี้
ผมเดินมาจนถึงเกาะทับแล้วล่ะ มองกลับไปที่เกาะไก่ ก็ถือว่าไม่ไกลมากครับ เดินชิลล์ๆ ดี
ที่เกาะทับ เราเล่นน้ำได้เกือบทุกจุดเลย ใครพาเจ้าตัวเล็กไปก็เล่นได้ครับ น้ำตื้น ไม่มีคลื่น
สำหรับใครที่จะหลบร้อน ก็ต้องออกแรงเดินขึ้นเขากันนิดนึงนะ ตรงจุดนี้มีร้านค้าขายน้ำและอาหารด้วย
ที่เกาะทับดูเหมือนจะไม่มีกิจกรรมครับ มีแค่เล่นน้ำกับถ่ายภาพเท่านั้น
ส่วนใหญ่พี่ไทยเราจะเน้นหลบแดดกันมากกว่าครับ ซึ่งตรงข้ามกับชาวจีน แต่ละคนจัดเต็มกันทั้งนั้น
เอาล่ะได้เวลาเดินทางไปยังเกาะต่อไปละครับ นั่นคือ “เกาะปอดะ”
เกาะปอดะ เป็นปลายทางสุดท้ายของทริปนี้ ที่นี่จะเน้นไปในทางพักผ่อนซะมากกว่า
ที่นี่ลมจะเย็นมาก เหยียบขึ้นเกาะปุ๊บ ตาผมนี่เริ่มปรือเลยทันที
เราจะมาถึงที่นี่ช่วงบ่ายเแก่ๆ ดังนั้นแดดจะเริ่มเบาลง จะเดินเล่น เล่นน้ำ หรือนอนฟังเสียงคลื่นอะไรก็แล้วแต่ ที่นี่เหมาะมากครับ
มีซุ้มน้ำขายด้วยครับ ราคาก็ตามป้ายเลย ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้นะ ว่าผมจะซื้อน้ำอะไร อิอิ
แก๊งค์นี้มาเรือลำเดียวกับผม ไม่ว่าไปจุดไหน สาวๆ ขอถ่ายภาพกันตรึม ซึ่งตรงข้ามกับผม…อย่างสิ้นเชิง T_T
ชายหาดที่เกาะปอดะนั้นอาจจะมีเศษไม้ตามธรรมชาติบ้าง แต่ก็ขาวเนียนมากครับ เดินเท้าเปล่าได้เลย
โซนเล่นน้ำที่นี่ปลอดภัยครับเพราะไม่มีคลื่น ระดับน้ำก็กำลังดีไม่ลึกไม่ตื้นเกินไป
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ เมื่อมาถึงเกาะปอดะ จะหามุมเงียบๆ พักผ่อนซะมากกว่า เพราะส่วนใหญ่เหนื่อยมากับทริปทั้งวันแล้ว
วันนี้เจอทั้งแดด ทั้งลม แถมท้องตึงด้วย แต่ทะเลและท้องฟ้าของที่นี่มันสวย จนข่มตาหลับไม่ลงจริงๆ ครับ
ผมไปทะเลส่วนใหญ่มักจะเจอฝน แต่มาเที่ยวกระบี่ทริปนี้ เจออากาศดีตลอด เลยไม่อยากละสายตาจากทะเลที่นี่สักเท่าไหร่
แต่ช่วงความสุขมันมักจะสั้น และแล้วก็ได้เวลากลับแล้วล่ะ เรือจะไปส่งเราขึ้นเรือใหญ่ที่กลางทะเลเลยครับ เพื่อมุ่งหน้าสู่ท่าเรือรัษฏาที่ภูเก็ต
จบแล้วครับ ทริปกระบี่ 1 วันของผม เป็นทริป 1 วันที่เรียกว่าคุ้มจริงๆ ได้เที่ยวหาดพระนาง ดำน้ำที่เกาะปอดะ และก็ข้ามทะเลแหวกไปยังเกาะทับและเกาะหม้อ สุดท้ายก็พักผ่อนชิลล์ๆ ที่เกาะปอดะ กลับถึงภูเก็ตประมาณ 5โมงเย็นเอง ถือว่าทำเวลาดีสุดๆสำหรับการเที่ยว 1 วัน
รีวิวทริปนี้เพิ่มเติม คลิกชมคลิปด้านล่างนี้ได้ครับ
ท่านใดสนใจทัวร์กระบี่สุดคุ้มแบบผม ติดต่อได้โดยตรงที่
มือถือ: 089-726 1788, 086-667 4446, 088-766 1611
โทรศัพท์: 076-680 788 Fax: 076-306 058
แฟนเพจ: phukettourholidaytour
หรือสนใจแพ็คเกจทัวร์ภูเก็ตเพิ่มเติมก็สอบถามได้จากแฟนเพจและเบอร์โทรดังกล่าวนะครับ
การเดินทางไปทะเลแหวก
ทะเลแหวก เกาะปอดะ หาดพระนางนั้นอยู่ในเขตของทะเลกระบี่ครับ เราสามารถไปพักที่กระบี่ หรือนั่งเครื่องไปลงกระบี่แล้วซื้อแพ็กเกจเดินทางเองได้เลยครับ แต่สำหรับคนที่พักหรือนั่งเครื่องไปลงภูเก็ต ก็ใช่ว่าจะลำบากอะไรกับการไปเที่ยวกระบี่นะครับ เพราะเรือเร็ววิ่งแป๊บเดียวก็ถึงแหล่งท่องเที่ยวของกระบี่แล้ว อีกทั้งถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศให้เป็นแบบ Slow Life ก็สามารถนั่งเรือใหญ่ไปได้ด้วย อาจจะช้ากว่า Speed Boat แต่ก็เที่ยว 1 วันได้เต็มๆ เหมือนกันอย่างแน่นอน
ที่พักหาดพระนาง
ทะเลแหวก เกาะปอดะไม่มีที่พักครับ แต่ที่หาดพระนางมีที่พักคือ โรงแรมรายาวดี ป้ายที่พักเค้าบอกเป็นโรงแรมนะครับ ไม่ใช่รีสอร์ท หากจะไปเที่ยวและพักที่นี่ด้วยก็ไม่ยากครับ ซื้อแพ็กเกจทัวร์วันเดียวแบบผม เที่ยวเสร็จบอกให้เรือมาส่งที่หาดอีกทีได้ครับ แต่ต้องแจ้งตั้งแต่ตอนแรกนะ ขากลับฝั่งนั้นผมพอจะเดาได้ว่ามีเรือรับส่งนะ เพราะที่พักอยู่กลางทะเลต้องมีเรือรับส่งอยู่แล้ว ส่วนใครจะไปต่อที่ภูเก็ตก็แจ้งทางที่พักครับ เพราะจะมีเรือใหญ่วิ่งจากกระบี่ไปภูเก็ตประจำ ซึ่งผมเองก็กลับภูเก็ตด้วยเรือใหญ่เช่นเดียวกัน
ร้านอาหารทะเลแหวก
ส่วนใหญ่ไปทะเลแหวกต้องซื้อแพ็กเกจครับ ดังนั้นทางทัวร์จะมีมื้อเที่ยงบริการเราอยู่แล้วที่เกาะไก่ แต่ก็มีร้านอาหารบนเกาะไก่ครับเป็นเมนูง่ายๆ เช่น มาม่า กระเพราะไก่ไข่ดาวอะไรทำนองนี้ เกาะทับจะมีร้านค้าขายน้ำและขนมเหมือนเกาะปอดะ ราคาก็ปกติทั่วไปที่ต้องบวกค่าขนส่งนิดหน่อย
แล้วเจอกันทริปหน้าครับ ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณมากมาย ขอบคุณอย่างแรง…นายหัวเด่น