เกาะพีพี เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากสำหรับต่างชาติ หากเราจะไปเกาะนี้เราจะเห็นได้ว่าต่างชาตินั้นเยอะกว่าคนไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนทุกวันนี้เยอะกว่านักท่องเที่ยวชาติอื่น ซึ่งเป็นสิ่งบ่งบอกว่าเกาะพีพีนั้นสวยงามจริงๆ แถมมีเกาะเล็กเกาะน้อยรอบๆ ทำให้ทริปเกาะพีพีมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ผมเองนั้นไปโซนนี้มาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่ยังถ่ายภาพไม่เป็นด้วยซ้ำ ต้องขอบอกว่าเกาะพีพีมีความเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากๆ ครับ มีการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวมากขึ้น ไม่ดิบๆ เหมือนเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก วันนี้ผมย้อนมาอีกครั้งโดยทริปนี้ผมยัง ใช้ภูเก็ตเป็นฐานที่มั่นในการเที่ยวเหมือนเดิม เหมือนกับทริปเกาะตาชัยที่ผ่านมา แต่คราวนี้ขึ้นเรือที่ภูเก็ตเลยครับ สะดวกมาก จากในตัวเมืองภูเก็ตแค่ 10 นาทีเอง

แผนที่เกาะต่างๆ ซึ่งวันนี้ผมจะไป เกาะไข่ใน หาดลิง ถ้ำไวกิ้ง ปิเล๊ะลากูน และอ่าวมาหยา ครับ
หลังจากกินกาแฟ ขนมปังกันที่ท่าเรือเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางกันเลย แป๊บเดียวเองครับ เราแวะที่แรกกันเลยคือเกาะไข่ใน
เกาะไข่ในเป็นเกาะเล็กๆ ครับ เป็นทางผ่านหากเราไปเกาะพีพีโดยเดินทางจากภูเก็ต
เกาะไข่ในอาจจะเล็ก แต่เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะโซนอันดามัน ก็ไม่เคยทำให้เสียชื่อ
ด้านน้ำใส ทรายขาว
เกาะไข่ไม่มีที่พักครับ เราสามารถเดินทางมาที่นี่ได้โดยใช้บริการทัวร์เกาะไข่แบบครึ่งวัน
ได้เลยครับ
เกาะไหนไม่มีที่พัก เป็นเกาะที่ผมจะชื่นชอบเป็นพิเศษ เพราะธรรมชาติมันจะสมบูรณ์มากๆ เกาะไข่ในก็เป็นอีกเกาะนึงที่เข้าไปอยู่ในใจผมซะแล้วล่ะ
มีกิจกรรมมากมายบนเกาะไข่ครับ แต่ผมเลือกที่จะนั่งมองฟ้ากับน้ำทะเลใสๆ
นั่งไปยิ้มไป (ท่าจะบ้า)
ผมเดินทางมาเกาะไข่ในวันปกติครับ ดังนั้นเรือและนักท่องเที่ยวจะน้อยหน่อย นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผมยอมโดดงานบ่อยๆ
เราจะเห็นเรือยอร์ช หรือเรือส่วนตัวแวะเวียนมาเกาะนี้บ่อยมาก เนื่องจากเกาะไข่อยู่ไม่ไกลจากภูเก็ตเลย
เกาะไข่จะมีสองโซนคือโซนที่เป็นหาดทรายเล่นน้ำได้ ดำน้ำได้ ส่วนโซนหลังจะเป็นหินส่วนใหญ่เค้าจะไว้เป็นที่ทานข้าวและอาบแดดกัน
อย่างที่บอกไว้ว่าเกาะไข่เล็กก็จริง แต่กิจกรรมเรียกว่าพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวไม่แพ้เกาะใหญ่ๆ นะเออ
ส่วนใหญ่ที่ใช้บริการก็จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติล่ะครับ คนไทยเราจะเน้นเซลฟี่รอบๆเกาะ ซะมากกว่า อิอิ
เดี๋ยวเราเดินไปดูโซนหลังกันมั่งดีกว่าเนาะ มัวแต่ชื่นชมหาดทราย เดี๋ยวก็อดดูสาวๆ
เอ้ยวิวสวยๆ กันพอดี
นักท่องเที่ยวที่มาทัวร์เกาะไข่ครึ่งวัน เค้าจะมาอาบแดดและกินข้าวกันที่นี่แหละครับ
แต่สำหรับผมทริปนี้เกาะไข่เป็นแค่ทางผ่านเท่านั้นครับ ดังนั้นต้องเดินชมให้รอบๆ จะให้มานอนโชว์พุงชิวๆ คงไม่ได้เนาะ
ด้านหลังเกาะไข่จะเป็นโขดหินแบบในภาพครับ เราสามารถชมปะการังแบบดำน้ำตื้นได้เท่านั้น
แต่เวลาจะลงไปดำน้ำ แนะนำให้ลงจากโซนหน้าแล้วว่ายน้ำมานะครับ โซนนี้หินคมๆ เยอะเลย ได้แผลระหว่างเที่ยวนี้มันจะทำให้ทริปจืดได้เลยนะ
นอกจากมีเก้าอี้ชายหาดให้นอนผึ่งแดดแล้ว โซนนี้มีร้านอาหารที่สามารถกินได้ทั้งอาหารและวิวไปพร้อมๆ กัน
ส่วนตัวผมเองไม่ได้มีโปรแกรมแวะทานข้าวที่นี่ เลยต้องนั่งกินวิวไปแทน อิ่มตาแต่ไม่อิ่มท้อง แหะๆ
จะกินแมวทะเลรองท้อง ก็ไม่กล้ากิน ก็ดูมันทำหน้าสิ ดุจริ๊งๆ
คุยกับคนบนเกาะ เค้าบอกว่ามุมนี้เวลาตอนเย็นจะสวยมากๆ แต่อดครับ เพราะเราแค่มาแป๊บๆ ไม่ได้อยู่จนถึงเย็น
กินลมชมวิวอาบแดด กันครบครันแล้ว เดี๋ยวเราย้อนกลับกันเลยดีกว่าครับ
ชวนเจ้าของเก้าอี้นั่งคุยสอบถามโน่นนี่ไปเรื่อย อันที่จริงแอบเนียนนั่งหลบแดด อิอิ
และเพื่อนั่งชมวิวแบบนี้แหละ อื้มมม เกาะไข่นี่วิวมันดี๊ดีเนาะ
เอาล่ะเดินย้อนกลับมา ณ จุดที่เรือจอด จากมุมนี้จะเห็นได้เลยครับว่าทรายที่เกาะไข่นั้นขาวเนียนตาดีจริงๆ แถมนุ่มเท้าดีซะด้วย
เราอาจจะเห็นขยะธรรมชาติบ้างไรบ้างครับ แต่ก็ยังดีกว่าขยะที่มาจากน้ำมือมนุษย์เป็นไหนๆ ว่าไหมครับ
ภูเขา ทะเล ฟ้าสวย น้ำใส และสาวๆ ครบครันแบบนี้หาชมได้ที่เกาะไข่นี่เอง
โซนหน้าเกาะ นอกจากเป็นที่จอดเรือแล้ว ยังเป็นโซนเล่นน้ำที่ปลอดภัยครับ เด็กๆ สามารถเล่นน้ำได้ เพราะน้ำตื้นมาก
ถัดกันไปจะเป็นโซนดำน้ำแบบ Snorkelling ซึ่งจุดนี้น่าจะมีปะการังสวยที่สุดแล้ว
สำหรับคนที่อยากเล่นเจ็ทสกีแต่ยังขับไม่คล่อง เค้าก็มีstaff คอยดูแลให้นะครับ เรียกว่ามาเกาะเดียวได้ครบเลย
วันนี้เป็นวันปกติครับ ดังนั้นนักท่องเที่ยวมีน้อย บนเกาะก็มีแค่กลุ่มนี้กับกลุ่มของผมนี่แหละ โล่งตามากๆ
อะแน่นอน มาเที่ยวทะเลสวยๆ แถมมีคนรู้ใจถ่ายภาพให้ เป็นอะไรที่สาวๆ หลายคนฝันไว้
อย่างที่ผมบอกไว้แต่ต้นครับ เกาะพีพีตอนนี้กะลังดังมากสำหรับชาวจีน ป้ายต่างๆ เป็นภาษาจีนกันหมดแล้ว
ถึงแม้ทะเลกลางแดดจะสวยเพียงใด แต่บางครั้งก็ต้องหลบพักสายตากันบ้างไรมั่งเนาะ
ตอนนี้ได้เวลาออกจากเกาะไข่กันแล้วครับ เดี๋ยวเราไปต่อกันที่เกาะพีพีดีกว่า
ระหว่างทางเราจะแวะที่ Monkey Beach หรือหาดลิง แต่นักท่องเที่ยวเยอะมากครับ เลยเปลี่ยนแผนไปดำน้ำกันก่อน
จุดที่เราดำน้ำลึกประมาณ 5-6 เมตร สามารถใช้ snokle ได้ ครับ แต่ถ้าวันนั้นน้ำขุ่นนี่ อาจจะมองไรไม่เห็นเลยนะ
ในกลุ่มผม นอกจากไกด์แล้ว ผมนี่แหละเป็นคนไทยคนเดียว ทริปนี้เลยอาสาช่วยไกด์ประคองนักท่องเที่ยว(สาวๆ) ที่ว่ายน้ำไม่เป็น เอาน่ะ ช่วยๆ กันไป อิอิ
แน่นอนครับไฮไลต์ของเกาะพีพีคือปลาลายเสือ เสียดายหน่อยวันนี้น้ำขุ่นบวกกับไม่มีแดด เลยทำให้เห็นปลาไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นัก
ต้องขออภัยจุดนี้ผมถ่ายภาพมาน้อยมากครับ มัวแต่เป็นไกด์อาสา เลยลืมหน้าที่ตัวเองไปเลย
พอดำน้ำกันเสร็จเราไปพักทานข้าวเที่ยงกันที่หาดต้นไทร ซึ่งหาดนี้เป็นแหล่งพักเรือ จุดทานข้าวและที่พักไว้คอยบริการด้วยครับ
กับข้าวอาจจะไม่ไทยจ๋านะครับ เพราะในกลุ่มผมเป็นชาวต่างชาติทั้งนั้น
แต่ก็ต้องมีอาหารไทยยอดนิยม ไว้ต้อนรับชาวต่างชาติเค้าด้วยแบบนี้แหละ
สถานที่ทานอาหาร ถือว่าแจ่มมากครับ แยกออกจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่จอแจแสนวุ่นวาย แถมติดแอร์เย็นฉ่ำ มาถึงก็ได้กินทันทีครับ
อาหารรสชาดดีครับ มีหลากหลายเมนู ตบท้ายด้วยผลไม้ตามมาตรฐานทัวร์ไทยครับ
อิ่มหนำแล้ว ก็อย่ารีรอครับ เดินออกไปเที่ยวชมหาดกันเลยดีกว่า
หาดต้นไทรนั้นจะยาวประมาณกิโลกว่าๆ ครับ จัดว่าสวยงามทีเดียว แต่ต้องทำใจกับความจอแจนิดนิงนะครับ
สาเหตุที่ชื่อหาดต้นไทร ก็เพราะมีต้นไทรนี่เอง ผมไม่ได้มั่วนะ ถามเค้ามาน่ะ
ที่หาดไทรมีที่พักสวยๆ หลายที่เลยล่ะ แต่ราคาผมไม่แน่ใจครับ หากมีโอกาสคราวหน้าจะมาลองพักดูมั่ง
สถานที่ต่อไปคือ Monkey Beach หรือหาดลิงครับ ตกค้างไว้ในช่่วงเช้า ยังไปไม่ถึงเจอน้ำใสๆ แบบนี้ก็อยากโดดน้ำซะแล้วล่ะ
ที่หาดนี้มีลิงอาศัยอยู่จำนวนมากครับ และเป็นหาดที่อุทยานไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวให้อาหารนะครับ
แต่ด้วยความมักง่ายของบริษัททัวร์หลายๆ จ้าว กลับเอาใจนักท่องเที่ยว โดยให้ลงไปถ่ายภาพและให้อาหารได้
บางครั้งผมเองก็ไม่เข้าใจครับ ว่าทำไมคนไทยถึงไม่รักษากฏของเราเอง ถ้าไม่อนุญาตให้ลงไปตามประกาศของอุทยาน นักท่องเที่ยวก็ลงไปไม่ได้ทุกกรณี
ทัวร์ที่ผมเดินทางมาด้วย เค้าไม่ให้ลงไปนะครับ เค้าบอกไม่คุ้มกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขั้น เพราะเคยมีคนโดนลิงกัด เค้าเองไม่อยากรับผิดชอบ เลยขอทำตามประกาศอุทยานดีกว่า
อย่างในภาพผมเองก้อได้แต่ยืนถ่ายภาพบนเรือ ซึ่งก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากนะ ลิงก็คือลิงครับ ไม่ได้มีความพิเศษอะไร ถึงกับต้องลงไปถ่ายภาพใกล้ๆ
จุดต่อไปเป็นถ้ำไวกิ้ง จุดนี้เป็นแหล่งสัมปทานรังนกขนาดใหญ่ เราได้แต่ผ่านและถ่ายภาพนะจ้ะ เข้าไปอาจโดนยิงหัวแบะ นะเออ
ในช่องแคบๆ ที่เห็นด้านหน้านั้นคืออ่าวโละซามะ แต่เรือเข้าไม่ได้เพราะน้ำตื้น เราต้องขึ้นที่อ่าวมาหยาแล้วเดินเท้าเอาครับ
เป้าหมายต่อไปคือ “อ่าวมาหยา” นั่นเอง
มองแต่ไกลไปดูโล่งดีจัง ไกด์บนเรือบอกผมว่า วันนี้โชคดีสุดๆ คนน้อยมาก ปกติแล้วถ้ามองจากจุดนี้ คุณจะไม่เห็นชายหาดหรอก แต่สิ่งที่เห็นคือ เรือจอดเต็มไปหมด
น้ำทะเลที่นี่นอกจากจะใสกิ๊งแล้ว ยังเป็นสีเขียวมรกตทั้งหาดเลย มากี่ครั้งก็สวยไม่เปลี่ยนเลยครับ
ถึงแม้ฟ้าจะหม่นเพียงใด แต่อ่าวมาหยามันสวยงามคุ้มค่าจริงๆ
อาาาห์ สวยงามคุ้มค่าจริงๆ
ผมขอบอกไว้นิดนึงว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เห็นในภาพนั้น เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่าน้อยมากนะครับ (ไม่ยากคิดคนเยอะ สภาพจะเป็นแบบไหน)
ขึ้นไปบนหาดแล้ว ผมแนะนำให้ไปชม อ่าวโละซามะ ก่อนเลยเป็นอันดับแรกครับ
ไปตามป้ายได้เลย
เราต้องเดินเท้าไปประมาณ 300 เมตร เพื่อไปชมอ่าวโละซามะ เดินสบายๆ ใต้ร่มเงาไม้ครับ ไม่เหนื่อยและก็ไม่ร้อนสบายใจได้
ระหว่างทางเราจะเดินผ่านบ้านพักเจ้าหน้าที่ และมีป้ายบอกทางเป็นระยะ อ้าว..มีแหม่มมาบังป้ายซะงั้น เง้อออ
เอาล่ะใกล้ถึงล่ะครับ แต่ในใจลึกๆ ผมอยากเดินต่อแบบนี้อีก 5 กิโล บ่องตง
และแล้วก็ถึงทางขึ้นไปชมอ่าวโละซามะแล้ว ปัจจุบันเค้าทำบันได้ให้ขึ้นได้ง่ายๆ แล้วครับ เมื่อก่อนผมจำได้ว่ายังต้องปีนกันด้วยเชือกเส้นเดียวอยู่เลย
ระหว่างรอคิวก็ชมนกชมไม้ ไปเรื่อยๆ ก่อนครับ ของสวยๆ ต้องใจเย็นๆ
พื้นที่ในการยืนชมอ่าวนั้นแคบมากๆ เมื่อเที่ยบกับนักท่องเที่ยวที่ยืนรอ ใครไปวันหยุดยาวที่คนเยอะๆ ทำใจเผื่อไว้ด้วยเด้อ
และ ณ จุด ๆ นี้ ผมก็ได้มายลด้วยตาอีกครั้ง สวยงามมากครับ นี่ขนาดทะเลวันนี้ไม่ค่อยมีแดดนะ แต่น้ำทะเลมันแจ่มจริงๆ
บริเวณนี้สามารถลงไปดำน้ำได้นะ แต่ระวังกันนิดนึงหินมันค่อนข้างจะเยอะ
ผมเองอยากถ่ายภาพตรงนี้มาให้ชมกันเยอะๆ นะ แต่ทนแรงเบียด แรงกระแทกไม่ไหวจริงๆ ครับ เบียดกันแบบถนนข้าวสารในวันสงกรานต์เลยล่ะ
เอาล่ะได้เวลาลงแล้วล่ะ เพื่อให้พื้นที่คนอื่นเค้ามั่ง(ฟังดูดีเนาะ)
เดินย้อนกลับมายังริมหาดมาหยาอีกที ต๊กกะใจเลย แป๊บเดียวคนเต็มไปหมดแล้ว
เรือจะปล่อยให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาอยู่บนอ่าวมาหยานานพอสมควร ส่วนใหญ่น่าจะเป็นที่สุดท้ายสำหรับทริป
อ่าวมาหยาไม่มีกิจกรรมทางน้ำนะ นักท่องเที่ยวยุโรปก็จะเน้นนอนอาบแดด
ชาวเอเชียก็เน้นถ่ายรูป
ถึงแม้นักท่องเที่ยวจะเยอะ แต่อ่าวนี้ก็สะอาดเอามากๆ ครับ ผมนี่แทบหาขยะไม่เจอเลย ต้องยกนิ้วให้เจ้าหน้าที่เค้าจริงๆ
โซนกลางหาดนั้นคนจะเยอะเป็นพิเศษ อาจไม่เหมาะสำหรับคนชอบถ่ายภาพเท่าไหร่นักนะ
เดินไปทางขวามือสุดของหาด(หันหน้าออกทะเล) ก็มีมุมให้ถ่ายภาพอยู่เหมือนกัน
ท่ามกลางผู้คนจอแจกลางชายหาด ก็มีมุมสงบๆ ให้กับครอบครัว
มุมสนุกสนานสำหรับแก๊งค์ที่มากันหลายๆ คน
และมุมที่แบบว่า ไม่อยากยุ่งกับใคร…แค่เราสองคน
และก็มุมสำหรับพวกชอบแอบถ่ายแฟนชาวบ้านแบบผม อิอิ
อันที่จริงวันนี้แดดร้อนมากนะครับ แต่สำหรับผมถ้าได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาตินี่ ผมลืมร้อนไปทุกทีแหละ รู้ตัวอีกทีก็ต้อนกลับมา กทม นั่นแหละ …ดำเมี่ยมเลยล่ะ
ถึงแม้ใจอยากจะอยู่ที่นี่นานๆ แต่ก็นะยังไงก็ต้องมีเวลากลับ เวลาความสุขนี่มันสั้นซะจริงๆ ว่าไหม
เรือพร้อมแล้ว แต่ใจคนยังไม่พร้อมกลับน่ะสิ ….เฮ้อออออ
แป๊บเดียวถึงท่าเรือที่ภูเก็ตซะล่ะ อะไรมันจะไวปานนั้น ทริปนี้คงต้องลากันแค่นี้ครับ ทริปหน้ายังคงอยู่กับทะเลอันดามัน จะเป็นที่ไหน คอยติดตามกันนะครับ
ส่วนท่านใดสนใจทัวร์เกาะพีพี เกาะไข่ ติดต่อได้โดยตรงที่
มือถือ: 089-726 1788, 086-667 4446, 088-766 1611
โทรศัพท์: 076-680 788 Fax: 076-306 058
แฟนเพจ: phukettourholidaytour
หรือสนใจทริปหรือแพ็คเกจทัวร์ภูเก็ตเพิ่มเติมก็สอบถามได้จากแฟนเพจและเบอร์โทรดังกล่าวนะครับ
เกาะพีพี การเดินทาง
เกาะพีพีเป็นเกาะในเขตของจังหวัดกระบี่ ดังนั้นเวลาคนจะไปเที่ยวเกาะพีพีจะนึกถึงจังหวัดกระบี่เป็นแรกๆ อันที่จริง แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของภูเก็ต กระบี่ พังงา ไม่ไกลกันนะครับ ขึ้นอยู่ว่าเราพักที่ไหน หากเราสะดวกพักที่ภูเก็ต เราก็สามารถไปเที่ยวหมู่เกาะต่างๆ ของกระบี่ หรือพังงาได้ เนื่องจากภูเก็ตนั้นมีที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางของพังงาและกระบี่ ทัวร์ใต้คราวนี้ผมเลยใช้ภูเก็ตเป็นที่นอน และเอากระบี่และพังงาเป็นที่เที่ยว
การเดินทางไปเกาะพีพีนั้นใช้บริการทัวร์ น่าจะถือว่า คุ้มสุด และสะดวกที่สุดแล้วครับ เพราะราคาแพกเก็จทัวร์จะรวมทั้งอาหาร ค่าดำน้ำ ค่าเรือ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บางแพ็กเกจอาจรวมที่พักไปเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นหากจะไปทัวร์เกาะพีพี เราก็ต้องเดินทางไปกระบี่ หรือภูเก็ตก่อน
คงไม่ต้องแนะนำวิธีเดินทางเท่าไหร่นะ เพราะทั้งภูเก็ตและกระบี่มีสนามบิน จึงเป็นการเดินทางที่สะดวก ประหยัดเวลาที่สุดแล้วครับ
ทัวร์กระบี่คราวนี้ผมเน้นเที่ยวครับ ดังนั้นจึงไม่มีร้านอาหารมาแนะนำ ส่วนที่พักนั้นผมพักที่ภูเก็ต เลยไม่มีที่พักกระบี่มาแนะนำเช่นกัน
ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณมากมาย ขอบคุณอย่างแรง นายหัว
อุปกรณ์:
กล้องดิจิตอล : Olympus OMD EM5
เลนส์ :zuiko 12-50/f3.5-6.3