อัมพวา สถานที่ท่องเที่ยวที่เมื่อเอ่ยชื่อแล้ว คงไม่มีใครที่ไม่รู้จึก เพราะเป็นตลาดน้ำที่ใกล้กรุงเทพ สามารถเดินทางไปกลับได้ภายในวันเดียว อีกทั้งยังสามารถค้างคืน
เพื่อทำกิจกรรมยามเช้า อย่างตักบารตได้อีกด้วย
ผมนั้นเป็นคนทีไม่ชอบสถานที่ที่วุ่นวาย คนแออัด แต่ถ้าจะไปเที่ยวอัมพวาคงจะเลี่ยงสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้แน่ เพราะปัจจุบันอัมพวาไม่ได้เป็นที่เที่ยวยอดฮิตแค่คนไทยเท่านั้น
แต่ต่างชาติเองก็ชื่นชอบตลาดน้ำนี้มากด้วยเช่นกัน และหากเราไปเที่ยวอัมพวาตอนเที่ยง หรือบ่ายๆ เราจะเห็นได้เลยว่า อัมพวาทุกวันนี้ไม่มีแม้แต่ที่จะให้เดินอีกแล้ว
แต่ตลาดน้ำอัมพวา ก็ใช่ว่าจะหาความสงบไม่ได้นะ อัมพวาเคยเป็นสถานที่ที่เคยสงบมาก่อน ถึงแม้กระแสทุกวันนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันมามากขึ้น จนทำให้อัมพวาสูญเสีย
ความเป็นตัวเองไปบ้าง แต่อัมพวาก็ยังมีความเงียบสงบแบบดั้งเดิมซ่อนอยู่ครับ
ทริปนี้ผมเลยเที่ยวอัมพวาโดยเลี่ยงช่วงคนเยอะ อย่างตอนเที่ยงและบ่ายครับ นั่นคือเที่ยวตลาดเย็นและค่ำแทน ดังนั้นไหนๆ ผมก็อยู่ยันค่ำแล้ว เลยค้างที่นี่สักคืนนึง เป็นทริป 2วัน 1คืน
โดยตอนกลางวันนั้นผมไปเที่ยวตลาดน้ำอีก 3 ตลาด เพื่อฆ่าเวลา รอเที่ยวอัมพวาตอนเย็น ตลาดที่ว่านั้นเป็นตลาดน้ำที่อยู่ใกล้ๆ อัมพวาทั้งหมดนั่นคือ ตลาดน้ำดำเนิน ตลาดน้ำท่าคาและตลาดน้ำบางน้อย
ทริปนี้ใช้เส้นทางเดียวกับไปอัมพวานั่นแหละครับ แต่เราควรไปแต่เช้าหน่อย เมือไปถึง สามแยกที่เลี้ยวซ้ายเข้าอัมพวา ให้เราตรงไปแทน เพื่อไปยังตลาดน้ำดำเนิน
เมื่อพูดถึงตลาดน้ำดำเนิน ถือว่าเป็นตลาดที่มีความเก่าแก่มาก อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของต่างชาติอีกด้วย ผมมองว่าตลาดน้ำดำเนิน ยังคงรักษาความเป็นตลาดน้ำไว้ได้เป็นอย่างดี ของกินอร่อย ผลไม้สดๆ จากสวน พ่อค้าแม่ค้าน่ารัก ตามวิถีของคนไทย หากสังเกตให้ดีเราจะเจอนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะกว่าที่อัมพวานะครับ
จากตลาดน้ำดำเนินให้เราขับรถย้อนกลับทางเดิม ก่อนถึงอัมพวาเราจะเจอตลาดน้ำท่าคา อีกหนึ่งตลาดที่ของกินอร่อย และราคาถูก ย้ำนะครับว่า ราคาถูกจริง บรรยากาศไม่วุ่นวาย อีกทั้งเป็นตลาดที่ร่มรื่น เพราะอยู่ในสวนมะพร้าว เป็นตลาดน้ำเล็กๆ ที่เหมาะสำหรับไปหาของกินครับ เพราะแม่ค้าที่นี่รุ่นป้ารุ่นยายหมดเลย ฝีมือการทำอาหารบอกได้เลยว่าอร่อยจริง และยังมีผักผลไม้สดๆ จากสวนอีกด้วยนะ
เสร็จสรรพจากตลาดน้ำท่าคาแล้ว ยังมีอีกหนึ่งตลาดที่พลาดไม่ได้นั่นคือ ตลาดน้ำบางน้อยครับ เป็นตลาดที่อยู่ติดกับวัดเกาะแก้ว ใกล้ๆ กับอุทยาน รศ.2 และตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบตลาดแบบเงียบๆ สงบๆ ไม่ต้องไปเดินเบียดกะคนเยอะๆ ผมเคยมาตลาดน้ำบางน้อยหลายครั้งและเคยทำรีวิวตลาดน้ำบางน้อยไว้แล้ว กลับมาคราวนี้ตลาดน้ำบางน้อยอาจเงียบกว่าเก่านิดนึง แต่ผมก็ยังชอบนะ เพราะที่นี่ อยากกิน อยากนอน อยากเที่ยว ก็มีพร้อมหมดเหมือนอัมพวา ต่างกันตรงที่เป็นตลาดที่ไม่อยู่ในกระแสการท่องเที่ยว ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงน้อย เรียกได้นับหัวได้กันเลยทีเดียวล่ะ
ออกจากวัดเกาะแก้ว(ตลาดน้ำบางน้อย) ให้เลี้ยวขวาแล้วตรงไปประมาณ 6กิโลเมตร ก็จะถึงตลาดน้ำอัมพวาแล้วล่ะครับ
หากท่านใดอยากได้ที่พักอัมพาทำเลดีๆ ติดริมน้ำ ก็ลองดูที่ Traveloka ก็ได้ เพราะมักจะได้ราคาดี บางครั้งถ้ามีส่วนลดโปรโมชั่นก็จะยิ่งถูกลงไปอีก มีเปรียบเทียบราคากับรีวิวลูกค้าให้ดูก่อนด้วยครับ เลือกเอาตามที่ท่านสะดวกได้เลย ส่วนผมจองที่พักไว้ชือว่า “เรือนรัตนะ” เป็นบ้านพักติดริมน้ำ บรรยาศเงียบดีครับ เป็นที่พักอัมพวาราคาถูก ที่โดนใจมากครับ เพราะติดริมน้ำ แต่ไม่ติดคลองใหญ่ และเป็นที่พักที่ไม่ติดทางเดิน ทำให้ไม่หนวกหูเรือและไม่รำคาญเสียงคนด่านผ่านครับ
สอบถามที่พักโดยตรง โทร…081-7753 918, 081-8570 149
หลังจากนั้นก็ได้เวลาออกไปเดินตลาดอัมพวากันแล้วล่ะ ถึงแม้จะเป็นช่วงเย็น คนก็ยังเยอะอยู่นะ แต่ก็ยังดีกว่าตอนเที่ยงและบ่ายครับ เพราะคนน้อยกว่า(มั้ง) แต่ที่สำคัญคือไม่ร้อนนั่นเอง
ผมคงไม่ต้องบรรยายอะไรมากเนาะ สำหรับตลาดน้ำอัมพวา เพราะสามารถหาข้อมูลได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต
เอาเป็นว่าเราไปดูหิ่งห้อยกันดีกว่า โดยสามารถซื้อตั๋วไปตามทางเดินในตลาดอัมพวานั่นแหละครับ คนล่ะ 60 บาท พอเรือเต็มก็ออกทันที เวลาที่ใช้ประมาณ 1ชั่วโมง
ผมแนะนำว่า เราควรเดินตลาดตั้งแต่ยังไม่มืดครับ เดินให้เสร็จ พอตกค่ำ ก็นั่งเรือไปชมหิ่งห้อย (ไปเที่ยวแรกเลยยิ่งดี)พอกลับมา เรายังสามารถหาอะไรกินได้ เพราะตลาดยังไม่วาย
แต่ถ้าใครจะไปดูหิ่งห้อยหลังจากสองทุ่มไปแล้ว ผมแนะนำให้หาอะไรกินซะก่อนเลย เพราะเดี๋ยวตอนท่านกลับมา ตลาดจะวาย ทีนี้ของกินก็มีให้เลือกน้อยลงนะครับ
หลายคนพูดกันว่า หิ่งห้อยอัมพวาน่ะไม่มีแล้ว ที่เห็นน่ะเค้าเอาไฟกระพริบมาติดเพื่อหลอกคนดู อะไรทำนองนี้ ก็แล้วแต่คนพูดนะครับ ผมแนะนำให้ไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง
แต่นายหัวคอนเฟิร์มว่า หิ่งห้อยอัมพวายังมีอยู่ครับ มีเยอะด้วย แต่..ตัวเล็กไปหน่อย…
การที่ไปแล้วไม่เจอหิ่งห้อย มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างครับ เช่น คืนนั่นเป็นคืนเดือนหงาย หรือ แสงไฟจากบ้านเรือนสว่างเกินไป ผมมองว่าขึ้นอยู่กับดวงด้วยนะ เพราะผมไปดูมาสองครั้ง
บางครั้งเจอเยอะ บางครั้งเจอน้อย แต่ไปถึงอัมพวาแล้ว กับค่าเรือ 60 บาท ไปเหอะครับ ไปดูให้เห็นกับตาด้วยตัวเอง…
กลับจากดูหิ่งห้อย ก็เดินหาของกินตามสไตล์การเที่ยวตลาดน้ำครับ..
เข้านอน แล้วเจอกันพรุ่งนี้…
———————–
สำหรับคนที่จะใส่บาตรสามารถสั่งได้กับที่พักเลยครับ หรือจะเตรียมไว้เองตั้งแต่ตอนเย็นก็ได้ อันนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน คนที่พักริมน้ำ ก็สามารถใส่บาตรหน้าที่พักได้เลย
พระจะพายเรือมาบิณฑบาตร ส่วนคนที่ไม่ได้พักริมน้ำ ก็สามารถใส่บาตรได้ตรงจุดที่คนเดินช่วงตลาดเปิดนั่นแหละครับ ใส่ได้ทั้งบนบกและในน้ำ เอาเป็นว่าตื่นให้ทันก็พอ รับรองได้ใส่บาตรแน่ๆ อิอิ
มื้อเช้านั้นทางที่พักจะมีให้ โดยรวมอยู่ในราคาห้องแล้ว ซึ่งเป็นก๋วยเตี๋ยวจะพายเรือมาเสริฟถึงหน้าห้องเช่นกัน หากใครจะกินอะไรเพิ่มเติม ก็รอซื้อได้ตามริมน้ำครับ พ่อค้าแม่ขายจะพายเรือ
เร่ขายกันแต่เช้า
หลังจากมื้อเช้าเสร็จ โปรแกรมผมก็คือไหว้พระ 5 วัด โดยค่าเรือจะตกคนละ 50 บาท รายละเอียดดูได้จากคลิปตอนท้ายนะครับ หลังจากกลับมาจากไหว้พระ ตลาดก็เปิดพอดี คนยังไม่เยอะมาก เดินชอป ชิมสบายเลยล่ะ ช่วงนี้เหมาะสำหรับซื้อของฝากก่อนกลับครับ
เอาเป็นว่าขอจบทริป 2วัน 1คืน เที่ยว4ตลาดน้ำ ไหว้พระ 5วัดเลยล่ะกัน เพราะรายละเอียดทั้งหมด รวมทั้งภาพจริง เสียงจริงของนายหัว อยู่ในคลิปนี้หมดแล้ว
ติดตามนายหัวผ่าน Youtube ได้ที่ช่อง
ไม่อยากพลาดทริปของนายหัว อย่าลืมกด Subscribe ด้วยนะครับ
ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณมากมาย ขอบคุณอย่างแรง…นายหัว