รีวิว นครนายก พระพิฆเนศ เขื่อนขุนด่าน สุดยอดส้วม
วันนี้ผมจะพาไปเที่ยวนครนายก สถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้กรุงเทพเอามากๆ สามารถเที่ยว 1 วันได้สบายเลยล่ะครับ
ผมออกเดินทางจากกรุงเทพ 10 โมงเช้า ถือว่าเป็นการออกไปเที่ยวที่สายที่สุดของผมที่เคยมีมา
ขับรถโดยใช้เส้นทางรังสิต จากนั้นก็ใช้เส้นทาง 305 รังสิต-นครนายก รถติดนิดหน่อย แต่พอเข้านครนายกแล้ว
ขับสบายมากครับ
เพียงแค่ชั่วโมงนิดๆ ผมก็ถึงนครนายกแล้ว เอาล่ะที่ที่ผมจะแวะที่แรกคือ อุทยานพระพิฆเนศ
หากขับรถมุ่งตรงไปเขื่อนขุนด่าน พระพิฆเนศจะอยู่จะเลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกประชาเกษม ก่อนถึงเขื่อนนะครับ
มีป้ายบอกอันใหญ่ รับรองไม่หลง
ผมโชคดีหน่อยถึงแม้ช่วงนี้นครนายกจะมีฝนตกทุกวัน แต่ช่วงเวลานี้ องค์พระพิฆเนศก็ประทานฟ้าใสๆ ให้ผมซะงั้น
(มั่วเองอีกแระ)
ไปถึงต้องร้องโอ้โห กันเลยทีเดียวเป็นพระพิฆเนศที่องค์ใหญ่มาก องค์สีชมพู สีสันนั้นเด่นตาเลยทีเดียว
วันนี้ที่อุทยานพระพิฆเนศไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่นัก เที่ยวชมได้สะดวกไม่แออัด แถมที่จอดรถก็กว้างขวางซะจริงๆ เชียว
เทวรูปพระพิฆเณศวรขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 9 เมตร สูง 15 เมตร ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
เดิมที มีพระพิฆเนศองค์ใหญ่เพียงองค์เดียว หลังจากนั้นก็มีการสร้างพระพิฆเณศประทับนอน ปางไสยาสน์ประทานพรขึ้นมา ก็จะมีน้ำตกเล็กๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ไปถ่ายรูปกัน
อุทยานพระพิฆเนศ เกิดจากแนวคิดของ พระราชพิพัฒน์โกศล หรือ หลวงพ่อเณร เจ้าอาวาสวัดศรีสุดารามวรวิหาร บางขุนนนท์ กรุงเทพฯ
โดยท่านได้รับการถวายที่ดินจำนวน 16 ไร่ จากลูกศิษย์หลวงพ่อภู อดีตเจ้าอาวาสวัดเวฬุราชิน ย่านบางยี่เรือ กรุงเทพฯ
ในความเห็นผมจังหวัดนครนายกเป็นจังหวัดที่น่าท่องเที่ยวมาก สำหรับคนที่ต้องการขับรถเที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพ
หากใครไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ก็สามารถใช้บริการรถตู้โดยสารได้นะครับ รู้สึกว่าเค้าจะไปส่งที่เขื่อนท่าด่านด้วย อันนี้ลองสอบถามข้อมูลอีกทีนะ
เมื่อถ่ายรูปได้สักพัก ก็ต้องกราบไหว้องค์พระพิฆเนศเพื่อความเป็นศิริมงคลซะหน่อย
ตอนแรกไม่มีคน แต่เผลอแป๊บเดียวคนเริ่มเยอะขึ้นซะแล้ว แต่ก็ไม่ได้แออัดมากไปนะครับ
ในการกราบไหว้องค์พระพิฆเนศ รวมทั้งคอยแนะนำพิธิกรรมต่างๆ จะมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำอยู่แล้วครับ ซึ่งใครสงสัยก็สามารถสอบได้เจ้าหน้าที่ได้ทันที
ผมใช้เวลาอยู่กับอุทยานพระพิฆเนศไม่นานเท่าไหร่นัก เพราะมาถึงนครนายกก็เที่ยงแล้ว เดี๋ยวจะเที่ยวได้ไม่เยอะ
เลยต้องรีบไปที่อื่นต่อ
กราบลาองค์พระพิฆเนศกันแล้ว ก็ไป วัดเขาทุเรียนกันต่อเลย ออกจากอุทยานพระพิฆเนศก็เลี้ยวซ้ายเลยครับ
ไปตามเส้นทางชนบทแคบๆ
ประมาณ 1 กิโลเมตรจะเจอวัดเขาแดง ให้ขับรถเลยไปอีกจะเจอสามแยก เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนคอนกรีต จะมีป้ายบอกครับ
ระหว่างทางท่านจะเจอกับธรรมชาติแบบท้องทุ่งนา ถ้าไปช่วงนี้จะเจอทุ่งนาเขียวๆ สบายตามากๆ เลย
ผมชอบบริเวณนี้มากๆ กะว่าตอนข้าวสุก คงจะไปอีกรอบและคงจะพักรีสอร์ทแถวๆ นี้แหละ
เจอสามแยกถนนลาดยางให้เลี้ยวซ้ายครับ ประมาณ 800 เมตร วัดจะอยู่ทางขวามือ
ถึงแล้วโยม วัดสีชมพู หรือ วัดเขาทุเรียน มีพนักงานต้อนรับอย่างเป็นกันเองแบบเป็นมิตรซะด้วย อิอิ
ผมเปิดประตูลงไปถ่ายภาพป้าย เจ้าถิ่นวิ่งกรูกันมา ทำเอาผมตกใจเลยคิดว่าจะโดนกัด ที่ไหนได้เค้าเป็นมิตรครับ
น่ารักทุกตัว
แล้ววัดเขาทุเรียนมีดีอะไร คำตอบคือวัดสีชมพู และสุดยอดส้วมระดับประเทศนี่เอง
มาถึงวัดเขาทุเรียนแล้ว อย่าเพิ่งรีบเข้าส้วมครับ ไปไหว้พระในโบสถ์กันก่อน
เรียกว่าวัดนี้สีชมพูสมชื่อจริงๆ ครับ ทุกส่วนของวัดเป็นสีชมพูหมด ที่สำคัญคนน้อยซะด้วย
ภายในวัดจะมีการเปิดเสียงการแหล่นาคของศิลปินชื่อดังหลายๆ ท่านเลยครับ ไหว้พระไป ฟังแหล่ไป ได้อารมณ์ดีแท้
โบถส์หลังนี้ลักษณะภายนอกจะล้อมรอบโดยพญานาค ถึงแม้บรรยากาศจะทะมึนเพราะอยู่กลางป่า
แต่สีของโบสถ์ก็ช่วยให้บรรยากาศดูดีขึ้นเยอะ
ป่ะ เราไปไหว้พระกันก่อน ภายในโบสถ์กว้างขวางมาก แถมเย็นสบายอีกต่างหาก ผมว่าอันที่จริง
ไม่ต้องใช้พัดลมก็ได้มั้งครับ
เอาล่ะได้เวลาไปส้วมกันแล้วล่ะ อิอิ ต้องถอดรองเท้านะครับ ส้วมเค้าสะอาดมากๆ สะอาดกว่าห้องนอนผมอีก 555
ส้วมหลังนี้เดิมทีเป็นใต้ถุนศาลาการเปรียญ เจ้าอาวาสท่านเป็นพระนักพัฒนาเลยดัดแปลงเป็นส้วมอย่างที่เห็นครับ
ไปชมห้องน้ำกันก่อน อันนี้เป็นห้องน้ำสุภาพสตรี
อันทีจริงขอเข้าไปถ่ายด้านในส้วมสุภาพสตรีได้นะครับ แต่ต้องดูจังหวะที่ไม่มีคน แต่ผมคิดว่าไม่ดีกว่า ถ่ายด้านนอกก็พอ
เราไปชมห้องน้ำชายกันดีกว่าครับ ภาพในห้องน้ำแห่งนี้จะมีกลิ่นหอมของสมุนไพร และเสียงเทศน์ให้ฟังอยู่ตลอดนะ
เข้าไปด้านในเนี่ย ขอบอกเลยว่า ไม่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์เลย มีแต่กลิ่นหอมๆ จากสมุนไพร ส่วนแอร์ก็เย็นฉ่ำซะ
ฉี่ไปก็เคลิ้มไปเลยล่ะ ส่วนอ่างล้างมือ อยู่รวมกันด้านนอก มีน้ำยาล้างมือ พร้อมเครื่องเป่าลมร้อน
กระดาษชำระ เพรียบพร้อม
ส่วนนี้เป็นส่วนของผู้สูงอายุและสตรีมีครรภ์ สามารถเข้าไปเกา(คัน) เอ๊ย สามารถเข้าไปใช้ได้อย่างเป็นสัดเป็นส่วน
ห้องน้ำผู้พิการจะแยกไปอีกส่วนหนึ่ง แต่ผมไม่ได้ถ่ายภาพมา
เรามาดูภายในห้องน้ำชายกันหน่อย แหมช่างสะอาดกว่าห้องน้ำสถานที่ราชการทั่วๆ ซะอีก
แสง สี กลิ่น บอกได้เลยว่าครับ สุดยอดส้วมจริงๆ
เอาล่ะล้างไม้ล้างมือกันเสร็จแล้ว ก็ไปเที่ยวที่ต่อไปกันดีกว่า
ขับรถย้อนกลับเส้นทางเดิมครับ ผ่านอุทยานพระพิฆเนศแล้ว เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกมุ่งตรงไปเขื่อนขุนด่านประการชล จะมีป้ายบอกตลอดทาง
แต่เดี๋ยวก่อน!! นี่มันก็เที่ยงแล้ว อย่าให้เสียเวลาห้องอะไรยัดลงท้องกันก่อน ระหว่างทางไปเขื่อนขุนด่าน หรือน้ำตกสาริกา จะมีทางเข้าอุทยานวังตะใคร้เมื่อเจอป้ายอุทยาน ให้ชิดซ้ายได้เลยครับ จะเจอสะพานข้ามคลอง ให้มองลงไปซ้ายมือ จะมีร้านส้มตำอยู่ติดกับคลองเลยทีเดียว
ท่านสามารถจอดรถข้างถนนได้ และสามารถชับรถลงไปจอดข้างล่างได้เช่นกันครับ ทางแคบหน่อย แต่ก็พอจอดได้
น้ำใส แถมเย็นดีจริงๆ ถือว่าเป็นสถานที่กินข้าวที่แหล่มเลยล่ะ
หรือจะเลือกนั่งเก้าอี้มาหินก็ได้นะครับ มีให้เลือกตามใจชอบ
บริเวณนี้สามารถลงเล่นน้ำได้นะครับ มีห่วงยางให้เช่าด้วย เด็กๆ สามารถเล่นน้ำได้ไม่อันตรายเพราะน้ำไม่ลึก
และน้ำไม่เชี่ยว
หากไปทานข้าวแถวนี้ผมแนะนำร้านที่สองนะ “ร้านข้าวโอ๊ต” ของลุง อนันต์ จุยคำวงศ์
อาหารอร่อย บริการดี มีห้องน้ำใช้ฟรี มีโฮมสเตย์ให้เช่า แถมเค้ารับจัดล่องแก่งได้อีกด้วยครับ
โทรไปสอบถามเส้นทางได้ หากไปไม่ถูก 081-2889481ติ๊ก 0819361517บอย
(อันนี้ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียนะ แค่อยากแชร์ข้อมูล เผื่อมีประโยชน์)
มาดูจานแรกของผมกันเลยดีกว่า นั่งริมน้ำเย็นๆ แบบนี้จะสั่งอะไรไปไม่ได้นอกจากส้มตำปูปลาร้า
รสชาด ได้ใจผมไปเลยล่ะ อร่อยมากมาย กลิ่นปลาร้าไม่แรงด้วยเนาะ แซ่บเลยยย
จานต่อไปเป็นหมูน้ำตก นี่ก็โดนใจเหมือนกัน ส่วนอีกจานเป็นยำวุ้นเส้นอันนี้ธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ
เมนูอาหารมีเยอะกว่านี้นะครับ แต่ผมไปคนเดียว ก็สั่งแค่พอกินเองน่ะ
อิ่มแล้วก็ตรงไปเขื่อนขุนด่านประการชลกันเลยดีกว่าครับ ฝนตั้งเค้าจะตกแล้วล่ะ
เขื่อนแห่งนี้เป็นเขื่อนคอนกรีตบดอัดที่ยาวที่สุดในโลก
ต้นน้ำของเขื่อนคือน้ำตกเหวนรกนั่นเอง ถึงแม้จะมีต้นน้ำเพียงแหล่งเดียว แต่เขื่อนนั้นมีความจุไม่น้อยทีเดียว
การไปชมสันเขื่อนสามารถใช้บริการรถรางชมเขื่อนได้ครับ ค่าบริการคนละ 20 บาท
ระยะทางในการชมเขื่อนก็ประมาณ 2 กิโลเมตร
ตอนนี้ฝนกำลังตั้งเค้ากำลังจะตก บรรยากาศตอนนี้เลยมีลมพัดค่อนข้างแรง
ช่วงนี้เขื่อนอยู่ในระหว่างการตกแต่งทิวทัศน์ และตัวเขื่อน เพื่อรอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเปิดเป็นทางการ
สุดทางสันเขื่อนจะเป็นที่กลับรถราง
เรามาชมทิวทัศน์ส่วนที่อยู่ล่างเขื่อนกันบ้างครับ
ส่วนล่างเขื่อนจะเป็นที่ทำการกรมชลประทาน และบ้านพักของเจ้าหน้าที่ สังเกตได้ว่าช่วงนี้นครนายกนั้นเขียวชะอุ่มจริงๆ
เขื่อนขุนด่านประการชล นอกจากจะช่วยไม่ให้น้ำท่วมนครนายกแล้ว ยังทำให้ประชาชนทำนาได้ตลอดทั้งปีด้วยครับ
แล้วที่สำคัญเขื่อนนี้แหละครับ ที่กันน้ำไม่ให้เข้ารังสิต ไม่งั้นกรุงเทพอาจอาการหนักกว่านี้ (ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่)
เราสามารถเข้าไปถ่ายรูปบนสันเขื่อนได้ในบริเวณที่เค้าอนุญาตครับ
ข้างล่างจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ซึ่งสามารถจ่ายไฟฟ้าเพียงพอสำหรับนครนายกทั้งจังหวัด
เป็นบุญของชาวไทยจริงๆ ครับ ที่เรามีในหลวงทรงพระปรีชา และทรงมีสายพระเนตรอันกว้างไกล
ทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากเขื่อนได้อย่างเต็มที่
ผมอยากแนะนำสถานที่กางเต๊นท์สักที่นึง ชื่อ ไร่ทอฝันรีสอร์ท
พอลงมาจากเขื่อน เมื่อผ่านวงเวียนช้างแล้ว ทอฝันรีสอร์ทจะอยู่ซ้ายมือ มีป้ายชัดเจน
ลานกางเต๊นท์ตอนนี้เขียวขจีไปด้วยหญ้า บริเวณนี้สามารถมองเห็นได้จากสันเขื่อนนะครับ
ค่าบริการนั้น คิดคนละ 50 บาทเท่านั้น มีห้องน้ำ และไฟฟ้าให้ใช้พร้อมครับ
สถานที่นั้นจะอยู่ติดคลองที่มาจากเขื่อน ซึ่งเราจะเห็นนักท่องเที่ยวที่ล่องแก่ง จะผ่านมาทางนี้ไม่ขาดสาย
นั่นไงครับ พูดถึงก็มากันกลุ่มนึงล่ะ
สถานที่ตรงนี้จะอยู่ระหว่างคลองสองสายไหลมาบรรจบกันพอดี น้ำขุ่นๆ จะมาจากเขื่อน ส่วนคลองอีกสายหนึ่งน้ำจะใส
เห็นแล้วก็อยากไปล่องกะเค้ามั่ง แต่มาคนเดียวนี่สิ ค่าบริการต่อเที่ยว 1000 บาท คนเดียวคงจ่ายไม่ไหว แหะๆ
รูปคลองอีกสายนึง ที่ไหลมาบรรจบกัน สามารถลงเล่นน้ำได้ครับ น้ำเย็นใสสะอาดมากๆ
อยากแก้ผ้ากระโดดลงน้ำซะตอนนี้เลยจริงๆ แต่เอาไว้ก่อน อิอิ
อีกมุมนึง ถ่ายจากริมคลองไปยังทางเข้ามา แหมสีเขียวเนี่ยย มันช่างเย็นตาพาสบายใจจริงๆ เชียว
ต่อไปเราไปแวะดูที่พัก แถวท่าด่านโฮมสเตย์กันหน่อยดีกว่าครับ
ท่าด่านโฮมสเตย์เป็นที่พักราคาถูกของชาวบ้านละแวกนั้น บ้านพักจะอยู่ริมน้ำ หรืออยู่ในส่วน ร่มเย็นสบายมาก
สุดทางจะมีซุ้มนั่งริมน้ำ สามารถสั่งอาหารได้ และมีบริการนวดด้วย
สำหรับความคิดผมที่นี่แออัดเกินไปครับ แถมคนที่มานั่งซุ้มริมน้ำนั้น ส่วนใหญ่จะดื่มของมึนเมากัน ใครที่ต้องการพักผ่อนเงียบๆ ผมว่าไม่เหมาะเท่าไหร่นัก
แต่หากต้องการไปสังสรรค์เป็นกลุ่ม นั่งกิน นั่งดื่ม เล่นน้ำ ที่นี่เหมาะมาก
ซุ้มต่างๆ จะอยู่ใต้ร่มไผ่ ร่มเย็นสบาย แถมมีน้ำใสๆ สะอาดๆ ไหลผ่านเหมาะสำหรับปิกนิก
แต่ยังไงก็แล้วแต่ฝากเรื่องความสะอาดกันด้วยครับ เท่าที่ผมเห็นมีการทิ้งขยะลงไปในน้ำอยู่บ้าง เป็นไปได้ก็ทิ้งให้เป็นที่เป็นทางหน่อยก็ดีเนาะ
ทริปนี้ผมไม่ได้ไปเที่ยวน้ำตกสาริกา และน้ำตกนางรอง เพราะฝนตกซะก่อน และเวลาก็เย็นมากแล้วครับ ทางที่ดีถ้าใครขับรถไปเที่ยวก็ควรไปแต่เช้าหน่อยจะได้เที่ยวได้เยอะๆ
จังหวัดนครนายก เป็นจังหวัดที่ธรรมชาติยังสมบูรณ์เอามากๆ ครับ ผมชอบทุ่งนาของที่นี่มากๆ เป็นทุ่งนาที่อยู่กลางป่า มีภูเขาล้อมรอบ อากาศดีมากๆ แถมไม่ไกลจากกรุงเทพมากนั้น สามารถเที่ยวไปกลับได้ภายใน 1 วัน สถานที่ท่องเที่ยวก็มีให้เลือกเที่ยวได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น น้ำตกสาริกา น้ำตกนางรอง เขื่อนขุนด่านประการชล วัดหลวงพ่อปากแดง วัดเขาทุเรียน อุทยานพระพิฆเนศ แถมมีโฮมสเตย์ถูกๆ บรรยกาศดีๆ ให้เลือกมากมาย จัดเวลาให้ว่างตัวเอง(อย่ารอเวลาว่าง) แล้วอย่าลืมไปเที่ยวนครนายกกันนะครับ
ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณมากมาย ขอบคุณอย่างแรง
..นายหัว…
อุปกรณ์ :
กล้องดิจิตอล mirrorless : Olympus Omd Em5
เลนส์ : M.Zuiko 12-50 f/3.5-6.3