เที่ยว 1 วัน ไหว้พระ ทำบุญ วัดราชโอรสารามราชวิหาร
วัดจอมทอง กรุงเทพฯ
22-07-55 ตื่นแต่เช้าเพื่อไปไหว้พระที่วัดจอมทอง วัดนี้เคยไปงานบวชน้องที่รู้จักมา เลยกะเอาไว้ว่าจะต้องถือโอกาสมาไหว้พระอีกสักครั้งการเดินทาง ผมใช้ถนนสุขสวัสดิ์ เลี้ยวเข้าถนนจอมทอง > ถนนเอกชัย เจอถนนพาดรถไฟให้เลี้ยวขวาทันที มีป้ายบอกตรงทางเข้าพอดีครับ วัดนี้อยู่ในโปรแกรมไหว้พระ 9 วัด ที่เค้ากำลังนิยมกันด้วยนะครับ (ถ้าจำไม่ผิด)
คลิกดู แผนที่วัดจอมทองขนาดใหญ่ จาก Google
ผมถึงที่วัดจอมทองประมาณ 8 โมงเช้า วัดเงียบมาก อากาศบริเวณคลองที่ติดกับวัดร่มรื่น และสดชื่นดีเลยล่ะ
.
บริเวณนี้เป็นเขตอภัยทาน น้ำสะอาด และแน่นอนครับ เป็นที่ให้อาหารปลาด้วยครับ ผมชอบตรงที่ไม่มีพ่อค้าแม่ค้ามาขายอาหารปลา หรือขายสัตว์น้ำเพื่อใช้ในการปล่อยเพื่อทำบุญ จึงทำให้ที่นี่เงียบสงบไม่วุ่นวาย ส่วนอาหารปลาเราสามารถซื้อได้จากทางวัดเลยครับ
วัดราชโอรสารามราชวิหาร หรือ วัดจอมทอง ศิลปะไทยผสมจีน ตามข้อมูลเป็นวัดที่มีมาก่อนก่อตั้ง กรุงเทพมหานคร อีกนะครับ ถือว่าเก่าแก่ทีเดียว
พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (ต่อมาคือ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว) ทรงสถาปนาวัดจอมทองขึ้นใหม่ทั้งพระอาราม
พระราชทานนามใหม่ว่าวัดราชโอรส ซึ่งหมายถึง พระราชโอรส และเป็นพระอารามหลวงชั้นเอง
สถาปัตยกรรมหลักๆ นั้นเป็นไปตามศิลปะของจีน แต่มีแต่งแต้ม ความเป็นไทยไว้ภายใน
จะเห็นได้ว่าจั่วของโบสถ์นั้น จะไม่มีช่อฟ้า ตามศิลปะการสร้างวัดของไทย
ลายสลักแบบศิลปะจีนบนประตูหรือหน้าต่าง จะมีให้เห็นอยู่ตลอดทั่วโบสถ์และวัด
มาไหว้พระตอนเช้าๆ แล้วเจอบรรยากาศสงบแบบนี้ รู้สึกดีจริงๆครับ ตอนนี้ถ้านับนักท่องเที่ยว คงมีแค่ผมคนเดียวทั้งวัด
ประตูบานนี้เรียกว่าเป็นศิลปะแบบจีนล้วนๆ สีสันของวัดจีนมันช่างสดซะจริงๆ ชวนให้นึกถึงวัดเล่งเน่ยยี่2
จากการสอบถามหลวงพี่รูปหนึ่ง ท่านบอกว่านักท่องเที่ยววัดนี้ไม่เยอะมาก จะมีกรุ๊ปทัวร์มาลงอยู่บ้างประปราย
บานหน้าต่างโบสถ์สีทองแบบไทยๆ ที่เราคุ้นตากันดี
หากมาไหว้พระวัดนี้ ท่านจะไม่เจอบรรยากาศและเสียงดัง แบบวัดโพธิ์ หรือวัดพระแก้วนะครับ กรุ๊ปทัวร์มาแป๊บๆ ก็ไป และไม่ได้มีตลอดวัน
ประตูทางเข้าโบถส์นั้นจะมียักษ์จีน 3ตน ยืนเฝ้าทุกประตู เรียกได้ว่างานนี้พี่ยักษ์ไทยเรา ตกงานไปเลย
ประตูหลังโบสถ์ก็มีนะ มี 2 ตน
แต่ละตนนั้น หน้าตาดุดันเอาการเลยแฮะ
เรามาดูโฉมหน้าชัดๆ ของยักษ์กันดีว่า
ผมชอบสีสันบนหน้าดี เลยถ่ายเฉพาะภาพยักษ์มาพอสมควร
หลังโบสถ์มีลมพัดเย็นๆ แถมมีเสียงกระดิ่งใสๆแว่วมากับเสียงลม ชวนให้ผมนั่งนิ่งๆ อยู่ตรงนี้พักนึง
หลังจากนั้นก็เข้าไปไหว้พระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตร ภายในโบสถ์
จิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์เป็นอีกหนี่งแรงจูงใจที่ทำให้ผู้เข้ามานั้น ต้องใช้เวลาอยู่ในโบสถ์สักพัก
เอาล่ะเราไปไหว้พระนอน ในวิหารพระพุทธไสยาสน์ด้านหลังกันต่อเลยครับ
วิหารพระพุทธไสยาสน์ จะเน้นโทนสีขาวเหมือนกัน แต่จะโล่งๆ และมีความเป็นไทยให้เห็นมากขึ้น
รอบๆ จะมีบัวที่เก็บกระดูก แต่ไม่ได้ทำให้บรรยากาศน่ากลัวเลยแม้แต่นิดเดียวครับ
ด้วยโทนที่เป็นสีขาว บวกกับตั้งอยู่กลางแจ้ง มันชวนให้ดูสบายตามากๆ
ถ้าไปตอนเช้า เราสามารถเดินชมรอบๆ ได้สบาย เพราะแดดไม่ร้อนมาก แต่ถ้ากลางวันก็ไม่แน่นะครับ
รอบๆ นั้นสะอาดสะอ้าน ไม่มีขยะ หรือสิ่งของวางระเกะระกะให้รำคาญลูกกะตา
โครงสร้างแบบจีน กับลวดลายแบบไทยๆ ที่หน้าต่างมันผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
เอาล่ะสำรวจรอบวิหารกันแล้ว เราไปดูข้างในกันดีกว่าครับ
พระนอนที่นี่มีชื่อว่า “พระพุทธไสยาสน์ นารถชนินทร์ ชินสากยบรมสมเด็จ สรรเพชญพุทธบพิตร”
เป็นพระนอนในร่มที่มีขนาดใหญ่ และมีความงดงาม แปลกตากว่าที่อื่น
ตรงที่มีหมอนรองเศียรถึง 6 ใบ
และใต้รักแร้มีลายรดน้ำเป็นรูปมงคล ๑๐๘ เป็นพระพุทธรูปปางที่สื่อถึงความร่มเย็นเป็นสุข
ศิลปะส่วนใหญ่ภายในวิหารนี้เป็นแบบไทยทั้งหมด
มีเพียงภาพวาดที่ประตูบางบานที่เป็นศิลปะแบบจีน
ใช้เวลาอยู่สักพักก็กราบลาพระนอน ไปกราบพระยืนกันต่อเลย
“พระยืน” หรือ “พระประทับยืน” เป็นปางที่สื่อถึงการให้อภัย การไม่ถือโทษประกอบด้วยเมตตา
กำแพงรอบๆ วิหารนี้ยังใช้กำแพงดั้งเดิม ยังไม่มีการบูรณะ ดูขลังดีครับ
เดินย้อนกลับมาที่ท่าน้ำ โซ้ยไอติมสักถ้วยแก้กระหาย
ปลาเยอะมากครับ เพราะเป็นเขตอภัยทาน
คลองไม่กว้างมาก เรียกได้ว่ายืนคุยกับฝั่งตรงข้ามได้เลย (ไม่ต้องตะโกน)
นอกจากให้อาหารปลาแล้ว ยังให้อาหารนกได้อีกด้วย เจ้าตัวนี้มันคุ้นมากๆ
ผมเดินข้ามสะพานรถไฟไปเดินดูชมชนรอบๆ ที่อยู่กันอย่างสงบ
มุมจากบนสะพานรถไฟ ไปยังวัด
นี่ก็เป็นปัจจัยนึงที่ทำให้คลองแห่งนี้สะอาด นอกเหนือจากความรับผิดชอบของชุมชน
จะ 11 โมงแล้ว ผมคงต้องขอตัวกลับแล้วล่ะครับ
จบแล้วครับ สำหรับทริปไหว้พระครึ่งวันของผม หวังว่าคงจะมีประโยชน์สำหรับหลายๆ ท่านที่ต้องการ ไปไหว้พระ หรือไปเที่ยว 1 วัน ในกรุงเทพบ้างนะครับ
ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณมากมาย ขอบคุณอย่างแรง
..นายหัว.
อุปกรณ์:
กล้องดิจิตอล mirrorless : Olympus Omd Em5
เลนส์ : M.Zuiko 12-50 f/3.5-6.3 ,Panasonic Leica DG Summilux 25/1.4