เชียงราย วัดร่องขุ่น ดอยช้าง สามเหลี่ยมทองคำ ภูชี้ฟ้า 3 วัน 2 คืน
เชียงราย ภูชี้ฟ้าทริปนี้ถือว่าเป็นทริปใจง่ายของผมเลยล่ะครับ พี่เค้าชวนตอนเช้า ตอนบ่ายก็เก็บของหนีงานกันเลยทีเดียว ทริปนี้ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปเที่ยวไหน ไปทางไหน พักที่ไหน รู้แค่ว่าปลายทางคือภูชี้ฟ้า ก็เท่านั้นเอง แต่โดยรวมแล้วพอจะเดาได้ว่า คงจะเป็นทริปเรื่อยเปื่อยของพี่ๆ เค้าล่ะ ทริปนี้เราใช้เส้นทาง กรุงเทพ ลำปาง พะเยา และเป้าหมายแรกของเราคือ ดอยช้าง จังหวัดเชียงรายครับ ตี3 เราถึงแม่สรวย ผมเปลี่ยนไปเป็นคนขับแทน แม่จ้าว…มันขึ้นดอยแล้วนี่หว่าาาาาา แถมขึ้นกลางคืนอีก ผมไม่แปลกใจทำไมพี่เค้ารีบเปลี่ยนให้ผมขับ ไม่ต้องอธิบายว่ามันเป็นอย่างไร สำหรับการขับรถขึ้นดอยกลางคืน ไฟถนนไม่มี ป้ายถนนไม่มี เส้นแบ่งเลนส์ถนนก็ไม่มี หนำซ้ำหมอกก็หนา แถมเป็นการมาดอยช้างครั้งแรกด้วย…
เราไปถึงดอยช้างตี 4 กว่า จะไปไหนได้ล่ะครับ ….จอดนอนเท่านั้นครับ ตอนเช้าพอเปิดประตูตัวผมชาไปเลย อากาศมันหนาวเอามากๆ พอสายหน่อยเราเริ่มมื้อเช้ากันที่ ดอยช้างรีสอร์ทก่อนเลยครับ
เราสั่งเมนูพื้่นๆ ของที่นี่ เพื่อจะได้ลองอาหารแบบดั้งเดิม เมนูแรก เป็นชุดน้ำพริก ประกอบไปด้วยฟักหวานและยอดฟักแม้ว
ยอดฟักแม้วผัดน้ำมันหอย เมนูนี้เป็นเมนูที่ผมต้องสั่งทุกครั้งถ้าไปเที่ยวทางภาคเหนือ
ผัดผักรวมมิตรเป็นเมนูต่อไปที่ทางป้าแม่ครัวเค้าแนะนำ
น้ำพริกลีซู ประกอบไปด้วย มะเขือเทศ ถั่วเหลือง ขิง ตะใคร้
ผมบอกได้เลยครับ อร่อยมากๆ ผมกินกับผักจิ้มจนแทบไม่ได้กินข้าวเลย
หลังจากนั้นก็มีต้มจืดร้อนๆ กับไข่เจียวเพิ่มมาอีก 2 เมนู ดูจากเมนูอาหารแล้ว มันเป็นอาหารเช้าตรงไหน? เนาะ
ตบท้ายด้วยกาแฟดอยช้างอันเลื่องชื่อ ปลูกเอง เก็บเอง คั่วเอง ชงเอง ขายเอง พี่ที่ร้านเค้าบอกแบบนี้นะ
….งั้นผมต้องชิมเองแล้วล่ะ
ไม่ผิดหวังในรสชาดอาหาร และกาแฟ มื้อนี้ค่าเสียหาย 520 บาทครับ
ใช่ครับ เรามาที่นี่เพื่อชิมกาแฟ หลังจากนั้นเราลงดอย มุ่งสู่เขื่อนแม่สรวย แต่วิวข้างทางมันแตกต่างกับเมื่อคืนอย่างสิ้นเชิง อดไม่ได้ที่ต้องจอดเก็บภาพกันหน่อย
ส่วนที่เห็นนี่เป็นส่วนที่เก็บน้ำครับ ส่วนสันเขื่อนนั้น ต้องขับรถไปอีกนิดหน่อย
นั่นไงครับ เขื่อนแม่สรวย เป็นเขื่อนที่ไม่ใหญ่มาก อากาศดี คนน้อย นักปั่นจักรยานเค้ามาปั่นที่นี่กันเยอะเลยล่ะ
อากาศช่วงเดือนพฤจิกายน(2556) ถือว่าเย็นกำลังดีครับ ลมพัดเอื่อยๆ ชวนให้น่าเดินเล่นสูดอากาศ ดีทีเดียว
ด้านบนเขื่อนจะมีร้านอาหารอยู่เพียงร้านเดียวนะครับ พร้อมสถานที่กางเต๊นท์ หากใครต้องการใกล้ชิดแบบธรรมชาติ
วิวด้านล่างเขื่อน สวยงามครับ เขื่อนไม่ใหญ่มากเลยทำให้ไม่ดูน่ากลัวเท่าไหร่นัก
ความยาวของสันเขื่อนน่าจะไม่ถึง 1 กิโลเมตร วันนี้ มีแค่คณะผม และนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นอีก 3 คนเท่านั้น
เดี๋ยวเราเดินย้อนกลับไปดูโซนร้านอาหารกันหน่อยดีกว่าครับ ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
บริเวณนี้จะมีแพซึ่งเป็นที่สำหรับรับประทานอาหารครับ วิวดี ลมดี แต่เสียดายไม่ได้ลองชิมอาหารครับ
เพราะยังเช้าอยู่
ใกล้ๆ กันนั้น มีการกำลังก่อสร้างแพที่พักครับ เค้าบอกเริ่มเปิดให้บริการ ปีใหม่นี้ (1 ม.ค. 2557)
ผมพยายามสอบถาม เบอร์ติดต่อ แต่มีแต่คนงานต่างด้าวครับ เลยไม่ได้เบอร์มา
แต่ถ้าใครอยากพัก ก็น่าจะติดต่อศูนย์การท่องเที่ยวของจังหวัดก็น่าจะหาเบอร์ได้นะครับ
ดูจากรูปแบบการก่อสร้างแล้ว บอกได้เลยว่าน่าพักเอามากๆ เลยครับ
จำนวนห้องพักนั้นอาจมีไม่กี่ห้อง แต่ก็ดีนะครับ คนน้อยๆ จะได้เหมาะกับการพักผ่อนหน่อย
ผมคาดว่านอกจากที่พักแล้ว น่าจะมีบริการนั่งเรือเที่ยวบริเวณบนเขื่อนด้วยนะ ไปดอยช้างคราวหน้า
พักที่นี่ก็น่าสนใจนะ
เราลงจากสันเขื่อนไปชมวิวใต้เขื่อนกับบ้างดีกว่า เวลามาอยู่ใต้น้ำแบบนี้ มันเย็นดีจริงๆ นะขอบอก
ถ้าไม่เกรงใจว่าอากาศมันหนาว จะถอดผ้าอาบน้ำซะนี่เลยนะเนี่ย
เอาล่ะได้เวลาไปที่อื่นกันต่อครับ เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกหน่อย แล้วไปต่อกันที่วัดร่องขุ่นเลยครับ
วัดร่องขุ่น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชียงราย ที่ผมเชื่อว่า ทุกคนที่มาเที่ยวเชียงราย ต้องแวะแน่ๆ
ผมมาที่นี่แล้วน่าจะ 6 ครั้ง แต่ก็ไม่เคยเบื่อเลยครับ สถาปัตยกรรมของที่นี่สวยงามขั้นเทพจริงๆ
ผมชอบอาจารย์เฉลิมชัย เป็นการส่วนตัว ดังนั้นมาถึงเชียงรายแล้ว ไม่แวะชมวัดของท่านก็กระไรอยู่
แต่แน่นอนครับ ช่วงเทศกาลทีวัดร่องขุ่น เต็มไปด้วยผู้คน เรียกว่าจะทำอะไรที ต้องเข้าแถวเลยล่ะครับ
วันนี้ฟ้าใส อากาศดี ผมนั้นมาแต่เช้า คนเลยยังไม่เยอะเท่าไหร่
เนื่องจากเป็นวัดชื่อดัง นักท่องเที่ยวมีจำนวนมาก เราจะเห็นป้ายเตือนต่างๆ แทบทั่ววัดเลย
แต่ผมชอบวัดร่องขุ่นนะ เค้าดูแลอย่างเข้มงวด เลยทำให้วัดนั้นยังดูสวยงามอยู่ตลอด ไปกี่ปีก้อยังรู้สึกว่า
วัดยังใหม่อยู่เสมอ
การให้อาหารปลา ต้องป้อนผ่านขวดนมครับ เพื่อไม่ให้เศษอาหารทำให้น้ำเสีย น่ารักดีครับ เด็ก ๆ ชอบเลยล่ะ
หนุ่มน้อยคนนี้ ตื่นเต้นเอาการเลยทีเดียว กับการป้อนอาหารปลา
มุมนี้ยังเป็นมุมมหาชนอยู่เช่นเดิม
ทางเข้าอุโบสถนี้ ถ้าเป็นช่วงเทศกาลนี่ ต้องเข้าคิวยาวเหยียดเลยนะครับ แต่ตอนนี้โล่งดีจริงๆ
วัดร่องขุ่นนั้นไม่ได้เน้นสีสัน แต่เน้นลวดลายที่อ่อนช้อยแบบไทย ๆ เราจะเห็นแบบนี้ทั่ววัดเลยครับ
ลงมาจากอุโบสถแล้ว เดี๋ยวเราไปดูอีกฝั่งกันดีกว่าครับ
บ่อน้ำอธิษฐานจิต เป็นบ่อน้ำที่อยู่กลางวัดร่องขุ่น เค้าว่ากันว่าอยากได้อะไรแล้วให้อธิษฐาน
ใครอยากทำบุญก็บริจาคได้ครับ จากนั้นจะได้ใบโพธิ์เงินเอาไปเขียนชื่อ แบบนี้
จุดนึงที่ตื่นตาตื่นใจนักท่องเที่ยวก็คือ ห้องน้ำวัดร่องขุ่นครับ เป็นสีทองอร่าม แหม ผมนี่ไม่กล้าเข้าไปใช้เลยล่ะ
แป๊บเดียวแค่นั้นครับ พอสายๆ หน่อยคนเยอะ จนแทบไม่มีที่จะเดินแล้วล่ะ เราเผ่นกันเลยดีกว่า
แหล่งท่องเที่ยวต่อไปของผมก็คือดอยตุงครับ ขาขึ้นดอยตุงนั้น มีจุดชมวิว เราแวะกันหน่อยก็ดีนะ
วิวสวยใช้ได้ครับ ถ้าขึ้นไปดอยตุงแล้ว คิดว่าควรจะแวะเก็บภาพสักหน่อยนะ
สักพักเราก็มาถึงสามแยก ดังภาพครับ ซ้ายไปพระตำหนักดอยตุง ขวาไปพระธาตุดอยตุง
แนะนำให้จอดรถไว้ที่สามยแยกนี้ แล้วขึ้นรถตู้หรือกระบะ ที่คอยให้บริการฟรีนะ ถ้าท่านเอารถขึ้นไป
ก็ไม่มีที่จอดอยู่ดีครับ
เราขึ้นมาบนพระตำหนักดอยตุง จุดประสงค์คือหามื้อเที่ยงกินกันครับ ไม่ได้ตั้งใจเข้าไปชมพระตำหนัก เพราะบอกตรงๆ ว่าคนเยอะเหลือเกินนนน
เป้าหมายคือข้าวซอยแม่สุกแสง อยู่ซ้ายมือทางขึ้นพระตำหนักครับ ร้านหาง่าย
ข้าวซอยอร่อย ราคาไม่แพง ผมเบิ้ลไปสองตามธรรมเนียม ถ้าไปเที่ยวตำหนักดอยตุง ก็ลองชิมดูนะ
ขากลับลงจากพระตำหนักดอยตุง เราก็ใช้บริการรถรับส่งฟรีเช่นเดีมครับ รอนานหน่อย แต่ดีกว่าใช้รถเอกชนที่ฉวยโอกาสในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว
แน่นอนครับ มาถึงดอยตุงแล้ว อันดับต่อไปก็คงเป็นพระธาตุดอยตุง แต่….พวกพี่ๆ เค้าบอกอยากไปหาที่พักแล้วล่ะ เราเลยตัดพระธาตุดอยตุงไป
แล้วมุ่งหน้าไปเชียงแสน อย่างที่บอกว่าทริปนี้ไม่ได้เตรียมการใดๆ ไว้ เราตระเวนหาที่พักอยู่พักนึง สรุปคืนนี้เราพักกันที่นี่ “สามฝั่งโขง รีสอร์ท”
สามฝั่งโขง รีสอร์ทเป็นห้องพักที่อยู่ติดกับแม่น้ำโขง และเห็นวิวสามเหลี่ยมทองคำเลยครับ
เราเลือกห้องใหญ่สุดของชั้น 3 เปิดประตูออกไปก็เห็นวิวแม่น้ำโขงและสามเหลี่ยมทองคำกันเลยล่ะ
ฝั่งขวามือ ที่เห็นอยู่ฟากโน้นคือประเทศลาวครับ
หากมองไปทางซ้ายที่เห็นอยู่ไกลๆ นั่นคือ พม่านั่นเอง
ช่วงนี้ถึงแม้ไม่หนาวมากนัก แต่ไอน้ำก็ช่วยให้อากาศบริเวณนี้เย็นสบายแบบพอดีๆ ครับ
ห้องพักชั้นบนสุดนั้น ผมชอบตรงที่พื้นจะเป็นไม้หมดเลยครับ
มีตู้เย็น ทีวี น้ำอุ่น ให้พร้อมครับ ห้องนี้เป็นห้องใหญ่ที่มีเตียงคู่ ราคาอยู่ 1,500 บาท
(ราคาปัจจุบันกรุณาสอบถามโดยตรงที่ 053-784198)
นี่มันก็เริ่มจะมืดแล้วครับ ผมคงต้องไปสมทบชาวคณะ ที่กำลังนั่งดื่มน้ำชาแก้หนาวกันอยู่ด้านล่าง แล้วล่ะ
ระเบียงหน้าห้องนั้นค่อนข้างแคบ เราเลยเลือกนั่งข้างล่างเลยดีกว่า เพื่อชมวิวสามเหลี่ยมทองคำแบบใกล้ชิด
ตอนกลางวันนั้นที่นี่จะเสียงดังไปด้วยเสียงเรือ แต่พอตกเย็นนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ
ไม่มีเรือวิ่งเลยแม้แต่ลำเดียว
มองขึ้นไปจากท่าเรือ ห้องพักของเราอยู่บนสุด ริมขวามือนั่นแหละครับ
ส่วนมื้อเย็นของเรา ก็สั่งร้านอาหารแถวนั้นแหละครับ เป็นทั้งกับแกล้มและกับข้าวปนๆ กันไป
ที่สามฝั่งโขง รีสอร์ท เค้าไม่มีอาหารขายนะครับ จะมีก็แค่กาแฟขนมปังให้ตอนเช้าเท่านั้นเอง
ที่ตั้งของสามฝั่งโขง ก็หาไม่ยาก หากไปเที่ยวสามเหลี่ยมทองคำ สามฝั่งโขง รีสอร์ทจะอยู่เลยจากพระพุทธนวล้านตื้อ ลือโลก ไปแค่ 200 เมตร ติดถนนเลยครับ
ตอนเย็นๆ นี่ พอแม่ค้าพ่อค้าเก็บของกันหมด มันเงียบซะจนเกือบจะเรียกว่าร้างเลยก็ได้
จากที่ดูแล้วคนจะไม่ค่อยพักกันที่สามเหลี่ยมทองคำซักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่มาเที่ยวกันแล้วก็กลับซะมากกว่า
พอเริ่มมืด ก็พอมีแสงไฟจากฝั่งลาวมาให้เห็นหน่อย แหมนึกว่าคืนนี้ต้องนั่งริมน้ำโขงแบบมืดๆ ซะแล้ว
แสงก่อนค่ำนี่มันโรแมนติคจริงๆ ถ้ามากันแบบสองต่อสองนี่ บรรยากาศถือว่าใช้ได้เลยนะ อิอิ
ตอนนี้ผมผมปล่อยให้ชาวคณะนั่งดื่มกันไปก่อน ขอแอบมานั่งทำมิวสิคคนเดียวสักพัก
อย่างที่บอกครับว่าระเบียงเหมาะกับนั่งกันแค่สองคน เท่านั้น
เอาล่ะครับ คืนนี้ขอตัวก่อนล่ะกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามาว่ากันต่อว่าจะไปเที่ยวที่ไหนกันอีกบ้าง
สำหรับคนที่ไม่ต้องการเสียเวลตระะเวนหาที่พักแบบผม ก็จองที่พักล่วงหน้าผ่านทาง Traveloka ไว้ก่อนก็ดีนะครับ ไม่ว่าจะเป็นที่พักสามเหลี่ยมทองคำ หรือที่พักในเชียงราย ผมเองก็ชอบใช้ที่นี่เปรียบเทียบราคาที่พักก่อนจองเหมือนกัน เพราะมีที่พักให้เลือกเยอะดี แถมมีรีวิวจากลูกค้าท่านอื่นๆ ให้ดูด้วย
———————————–
–9 ธันวาคม 2556–
ต้อนรับวันใหม่กับมื้อเช้าแบบง่ายๆ ริมฝั่งโขงครับ
น่าเสียดายครับ วันนี้ฟ้าหม่นๆ ไปหน่อย วิวพระอาทิตย์ขึ้นเลยไม่ค่อยจะแจ่มเท่าไหร่ แต่ก็โอเคนะ
ดูจากบรรยากาศตอนนี้ คาดว่าตอนเช้ามืดอาจจะมีหมอกนะครับ แต่พอสายๆ ไม่ค่อยเห็นซะแล้วล่ะ
หากใครอยากปั่นจักรยานเที่ยวรอบๆ บริเวณนี้ ทางที่พักเค้ามีไว้ให้บริการฟรีด้วยนะครับ
ส่วนหากต้องการใส่บาตรตอนเช้าเนี่ย แนะนำให้ตื่นเช้านิดนึง
วันนี้เราจะนั่งไปเที่ยวตลาดลาวฝั่งตรงข้ามกัน โดยเรือลำใหญ่ ราคา 800 บาท ที่เห็นในภาพ
อันที่จริงเรามากันแค่ 5 คนสามารถนั่งเรือลำเล็กได้ครับ ราคาแค่ 500 บาท แต่ในคณะผม มีคนนึงเค้ากลัว
เราเลยต้องเช่าลำใหญ่แทน
เรือจะพาเราเลาะไปทางฝั่งพม่าก่อน แล้วค่อยวนกลับไปทางลาว
ที่เห็นนั่นคือบ่อนนะครับ หากใครต้องการไปเสี่ยงโชคก็สอบถามวิธีการเดินทางกับคนเรือ
หรือเจ้าหน้าที่ริมฝั่งไทยได้ครับ
คนขับเรือบอกว่าพามาได้แค่นี้เพราะน้ำตื้น หลังจากนั้นเราก็หันหัวเรือตรงไปยังฝั่งลาว
ตอนนี้เรากำลังเลาะริมฝั่งลาว มองย้อนกลับไปยังฝั่งไทยมั่ง
สักพักเราก็ผ่านบ่อนอีกแล้วครับ แต่เป็นบ่อนฝั่งลาว รู้สึกว่าตรงช่วงต่อชายแดนเนี่ย บ่อนจะเยอะเหลือเกินนะ
เราถึงตลาดดอนเซา(ตลาดลาว) แล้วครับ คนขับเรือ จะรอเราอยู่ที่นี่
เมื่อเราเดินเที่ยวเสร็จก็ให้กลับมาขึนเรือที่เดิม
ก่อนจะเข้าตลาด เราต้องเสียค่าเหยียบแผ่นเดิน 30 บาท ก่อนนะครับ ซึ่งจะมีป้อมอยู่ก่อนเข้าตลาด
พอเข้าตลาดปุ๊บพ่อค้าลาว ก็โชว์ยาดองงูเห่าทันที บอกว่าถ้ากินแล้วจะชูชันเหมือนงูเลยล่ะ
นอกจากงูใหญ่แล้ว ก็ยังมียาดองงูเล็กอีกมากมายหลายประเภท ผมแค่ถ่ายภาพครับ แต่ถ้าให้ลอง บอกตรงๆ ว่าขอผ่านเด้อออ
สินค้าที่ตลาดลาว ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปทางสินค้าสำหรับผู้หญิงครับ เช่นกระเป๋า หมวก ชุดลาว ผ้าลาว เป็นต้น
แต่ถ้าให้พูดตรงๆ ที่นี่เหมาะแค่มาเยี่ยมชมเท่านั้น ไม่สมควรอย่างยิ่งสำหรับการซื้อนะครับ
สินค้านั้นพอมีคุณภาพอยู่บ้าง แต่ราคามันแพงยับเลยล่ะ
คนที่ซื้อสินค้าพวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนจีนครับ แต่พี่ไทยเรานั้น เดินชมอย่างเดียว
เบียร์ลาวรสชาดใช้ได้ครับ ผมเคยชิมตอนไปปากเซ แต่ดูจากราคาแล้ว กลับไปซดลีโอบ้านเราดีกว่า อิอิ
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเราก็เดินทั่วตลาดแล้ว เดินชมจริงๆ ครับ ไม่ซื้ออะไรกลับมาเลย
หากใครอยากซื้อจริงๆ ผมแนะนำให้กลับมาซื้อแถวๆ สามเหลี่ยมทองคำดีกว่าครับ ของเหมือนเป็นเป๊ะ ราคาถูกกว่าด้วยซ้ำ
เราข้ามกลับมายังฝั่งไทยอีกครั้งมายังจุดที่นักท่องเที่ยวแวะถ่ายภาพกันมากที่สุด
นั่นคือ ซุ้มประตูโขงสามเหลี่ยมทองคำ
และกราบไหว้ขอพรพระพุทธนวล้านตื้อ หรือ พระเชียงแสนสี่แผ่นดิน
วันนี้ยังเช้าทองฟ้ายังหม่นๆ อยู่นะ ถ้าฟ้าใสๆ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำจะถ่ายรูปสวยมากครับ
เรากลับที่พัก เพื่อเก็บข้าวของก่อนไปสถานที่ท่องเที่ยวต่อไป เห็นป้าแม่บ้านทำความสะอาดห้องพักชั้น2 เลยเอาภาพมาฝากครับ
เป็นห้องแบบเดียวกับที่ผมพักชั้น3 ครับ แต่ชั้น 2 พื้นไม่เป็นไม้นะครับ
ห้องเล็กราคา 800 เตียงเดี่ยว ห้องพักเค้าสะอาดมากๆ ครับ อากาศก็ดี นอนแบบไม่ต้องเปิดแอร์เลยล่ะ
สำหรับห้องเล็ก เราต้องออกจากห้องมา ที่ระบียงนะ ถ้าต้องการชมวิวสามเหลี่ยมทองคำ ระเบียงจะกว้างกว่าชั้น 3
ถึงแม้ระเบียงไม่ได้อยู่ในห้องเลย แต่ก็ยังถือว่าโอเคครับ เพราะวิวเค้าก็สวยเหมือนกันแหละ
ภาพรวมของห้องพักชั้น 2 ครับ เอาล่ะ ผมเคลียร์ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเสร็จ เดี๋ยวเราไปชมวิวสามเหลี่ยมทองคำ
ในมุมสูงกันดีกว่า
จุดชมวิวสามเหลี่ยมทองคำ จะขึ้นทางวัดพระธาตุปูเข้า ซึ่งอยู่เยื้องๆ กับพระพุทธนวล้านตื้นนั่นแหละครับ
ไปถึงสามเหลี่ยมทองคำแล้ว ห้ามพลาดขึ้นไปถ่ายภาพจุดชมวิวนะ อ้ออย่าลืมแวะวัดพระธาตุปูเข้าด้วยล่ะ ผมเองไม่ได้แวะ น่าเสียดายจริงๆ
ต่อไปเรามุ่งหน้าสู่ภูชี้ฟ้า โดยใช้เส้นทางเชียงของ ช่วงนี้ทางกำลังก่อสร้าง (9-12-2556)เป็นหลุมเป็นบ่อหน่อยนะครับ สถานที่ดังๆ ในเส้นทางนี้ก็คงจะเป็นไร่แสงอรุณครับ
แต่เสียดายที่ผมไม่ได้แวะเข้าไป เราถึงเชียงของเที่ยงกว่าๆ ว่าแล้วก็แวะกินมื้อเทียงกันก่อนดีกว่า หิวแล้วล่ะ
ร้านแจ่ม เป็นเหมือนร้านอาหารตามสั่งธรรมดาครับ แต่พอเข้าไปเมนูนี่เยอะมาก ส่วนด้านบนก็มีห้องพักด้วยนะ
เมนูแรกเป็นต้มยำรวมปลาแม่โขง ปลาอะไรมั่งนั้นผมไม่รู้ละนะ 55+
แม่ค้าเป็นกันเองมากครับ อาหารอร่อย และก็จานใหญ่เวอร์อ่ะ เมนูต่อไปมะเขือยาวผัด
อันนี้ผมอยากกินเป็นการส่วนตัว
อีกเมนูเป็นเมนูคุ้นเคย ส้มตำปู ปูมาเป็นตัวๆ เลยล่ะ รสชาดเค้าจะติดหวานนิดนึง ตามประสาคนเหนือ(หรือเปล่า)
เมนูเค้าเยอะมากนะครับ แต่เราสั่งแบบง่ายๆ เพราะเดี๋ยวต้องรีบขึ้นภูชี้ฟ้ากันต่อ หิวมากครับเลยไม่ได้ถ่ายเมนูอื่นๆ มาฝากกัน
ผมขอข้ามภาพวิวระหว่างขึ้นภูชี้ฟ้านะครับ เนื่องจากเส้นทางเป็นโค้งคดเคี้ยวกลางภูเขา จอดรถลำบากนิดนึง อีกทั้งเราต้องรีบทำเวลาให้ไปถึงภูชี้ฟ้าโดยเร็ว
ขนาดรีบก็ยังเรื่อยเปื่อยอยู่ดีครับ เรามาถึงภูชี้ฟ้าเกือบห้าโมงเย็นแล้ว ที่พักก็ยังไม่มี แต่เราขอขึ้นไปชมภูชี้ฟ้าตอนเย็นๆ กันก่อน
เราขับรถขึ้นมาได้จนถึงทางขึ้น อันที่จริงตอนเช้ามืด เค้าจะไม่อนุญาตให้ขับรถขึ้นมานะครับ ต้องนั่งรถรับจ้าง คนละ 20 บาท เนื่องจากทางแคบ และชัน อีกทั้งพื้นที่จอดก็มีน้อย แต่ตอนเย็นยังไม่มีคนเท่าไหร่ เราเลยขึ้นมาได้
ทางขึ้นภูชี้ฟ้า ถึงแม้ระยะทางเดินเท้าแค่ 400 เมตร แต่เราอยู่บนที่สูงนะครับ เพราะงั้นเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมน้ำไปด้วย
ไม่ลำบากก็จริง แต่ได้เหนื่อยแน่ๆ คอนเฟิร์ม!!
ขึ้นไปสักพักจะมาทางแยกให้เลือก ถ้ามาตอนเช้ามืดแนะนำให้ไปทางขวามือครับ เราจะเห็นชะง่อนของภูชี้ฟ้าตอนพระอาทิตย์ขึ้น สวยมาก
ส่วนถ้ามาตอนเย็น ก็ตรงไปก็ได้ครับ เพราะจะไปโผล่ตรงป้ายบนยอดภูชี้ฟ้าเลยครับ
ผมเลือกที่จะตรงไปก่อนครับ พรุ่งนี้ค่อยไปทางขวามือ แต่ไม่ว่าไปทางไหนก็….เหนื่อย..เหมือนกันหมดและครับ อิอิ
เอาล่ะอีกนิดเดียวใกล้ถึงล่ะ เริ่มรู้สึกว่าลมพัดมากระทบหน้าแล้วครับ
ถึงซะที ที่เห็นคนน้อยๆ นี่อย่าเพิ่งดีใจนะ ส่วนใหญ่เค้าจะขึ้นภูชี้ฟ้ากันตอนเช้ามืดครับ
ถ้าป้ายเป็นหลักฐานซะหน่อย เชื่อไหมครับว่าผมมาคราวก่อน ผมขึ้นไม่ถึงจุดนี้นะ คนเยอะมาก แหวกไม่ไหวจริงๆ
ฝั่งด้านล่างเป็นประเทศลาวครับ ตอนเช้าๆ บริเวณนี้จะเต็มไปด้วยหมอก เราจะไม่เห็นวิวด้านล่างแบบนี้แน่นอน
อยู่บนทีสูงแล้วมองไปสุดตานี่ มันให้ความรู้สึก โล่ง และสบายใจดีจริงๆ เนาะ
อุ้ยตายล่ะ เรายังไม่มีที่พักคืนนี้เลย มัวแต่ชมวิวเพลินๆ
เอาล่ะเดี๋ยวเราลงภูไปหาที่พักกันก่อน อากาศเริ่มมืดและเย็นขึ้นทุกทีแล้วล่ะ
เราได้ที่พักที่บ้านระเบียงฟ้า ซึ่งเค้าจะคิดเป็นรายหัว ซึ่งรวมอาหารเย็นและเช้าแล้วครับ รีสอร์ทแถวนั้นราคาไม่หนีกัน ประมาณ 500-600 บาท ครับ
เราเข้าพักก็มืดแล้วครับ เลยไม่มีบรรยากาศที่พักและห้องพักมาฝาก ส่วนนี้เป็นโซนที่รับประทานอาหาร
ที่บ้านระเบียงฟ้า เป็นอิสลามนะครับ ไม่มีเมนูหมู แถมเราไม่ได้จองล่วงหน้าเมนูเลยมีเท่าที่หาได้
แต่ก้อโอเคครับ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดสำหรับพวกเรา
สำหรับใครที่ไปภูชี้ฟ้าแล้วไม่มีที่พัก หรือที่กางเต๊นท์เต็ม ให้ติดต่อพี่่ ทรงเดช ที่ 080- 6748128 พี่เค้าเป็นผู้ใหญ่บ้านทีนี่ 4 ปีก่อนผมก็ไปกางเต๊นท์หน้าบ้านเค้านี่แหละครับ ผมมาคราวนี้พี่เค้าจำผมได้ แถมเข้ามาทักทายแบบเป็นกันเอง อัธยาศัยดีมากๆ ครับ ซึ่งหน้าบ้านพี่เค้าสามารถกางเต๊นท์ได้ประมาณ 10 หลัง
——————–
–10 ธันวาคม 2556–
ผมตื่นตี 5 ครับ เพื่อเตรียมตัวไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูชี้ฟ้า แต่ชาวคณะผมไม่มีใครเอากะผมด้่วย ผมเลยไปคนเดียวซะงั้น รถสองแถวจะมารอรับหน้าที่พักเลยครับ ซึ่งทางรีสอร์ทเค้าจะติดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ค่าโดยสารคนละ 20 บาท
พอไปถึงทางขึ้น ถึงกับร้องไอยะ!! คนเต็มภูเลยครับ นี่ขนาดยังไม่ถึงปีใหม่นะเนี่ยย เอาเป็นว่าที่ที่ผมหมายตาไว้ โดนจับจองไปเรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้มุมอาจไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็จำเป็นต้องยึดพื้นที่ไว้ก่อนครับ เผลอนิดเดียวโดนเสียบแทนทันทีขอบอก อิอิ
พอสว่างมากขึ้น แสงพระอาทิตย์กระทบกับเมฆสีมันสวยได้ใจจริงๆ ครับ
ผมยังต้องยืนอยู่ ณ จุดเดิมนะครับ ตอนนี้ขยับตัวไม่ได้ล่ะ คนเบียดกันแบบว่าไหล่ชนไหล่กันเลย
ช่วงที่ผมมาภูชี้ฟ้าอากาศนั้นต้องบอกว่าไม่หนาวเท่าไหร่ครับ ส่งผลให้ทะเลหมอกนั้นดูน้อยไปนิดนึง
ตอนนี้ผมย้ายที่มายืนตรงด้านล่างแล้วครับ ตรงนี้มุมสวยดี แต่กว่าจะเบียดได้นี่ รอนานเหมือนกัน
คุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ ครับ สำหรับวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูชี้ฟ้า
สำหรับตัวผมแล้ว ที่ภูชี้ฟ้าคือจุดชมพระอาทิตย์ที่สวยที่สุด เมื่อเทียบกับทุกๆ ที่ที่ผมเคยไปมาเลยล่ะ
แต่ช่วงเวลาแห่งความสุข และความสวยงามมันสั้นครับ พระอาทิตย์นั้นขึ้นเร็วมาก เผลอแป๊บเดียวก็สว่างซะแล้ว
คนเริ่มซาลง ผมถึงได้มีโอกาสขึ้นไปบนยอดภูกับเค้ามั้ง
แต่แดดเริ่มแรง ภาพที่ได้ก็จะเป็นแนวย้อนแสงแบบนี้ แต่ผมชอบนะ สวยไปอีกแบบ(หรือเปล่า)
จากป้ายภูชี้ฟ้ามองไปทางขวามือบรรยากาศก็จะประมาณนี้ ฟ้าสวยดีเทียว
เอาล่ะผมโดนโทรตามซะแล้วล่ะครับ พี่ๆ เคัาบอกต้องรีบไปกินมื้อเช้าและต้องรีบกลับกันแล้ว
ก่อนกลับเอาภาพบรรยากาศของที่พักมาฝากกันหน่อย
บริเวณที่รับประทานอาหารเช้า พี่คนดูแลบอกว่า ถ้าช่วงที่หมอกเยอะ เราจะนั่งทานข้าวกันกลางหมอกเลย
เค้าว่างั้นนะ
โซนนี้จะเป็นห้องพักแบบเตี่ยงเดียว ถ้าช่วงมีหมอก ตรงนี้ก็จะชมหมอกได้หน้าห้องพักเลย
ส่วนผมพักโซนด้านบน ห้องพักจะเหมาะสำหรับหมู่คณะ
ส่วนห้องพัก และเตียงก็จะเป็นที่นอนปูต่อกัน นอนได้หลายคนเลยล่ะ
อันที่จริงผมเองอยากไปเที่ยวต่อที่ผาแต้ม แต่พวกพี่เค้าๆ บอกว่าต้องรีบกลับ งานนี้เราเลยตียาวจากภูชี้ฟ้า เข้าพะเยา ลำปาง แล้วก็เข้ากรุงเทพเลยครับ
จบแล้วครับ ทริปภูชี้ฟ้าเชียงราย 3 วัน 2 คืน แบบไม่ได้เตรียมการอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
—————————
การเดินทางไปเชียงราย
เชียงรายนั้นเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวเยอะมากครับ จะเดินทางไปเที่ยวเชียงรายนั้น ถ้าให้ดีควรวางแผนก่อนว่าจะไปเริ่มเที่ยวที่ไหน เพราะจะได้วางแผนการเดินทางถูก
ซึ่งเชียงรายนั้นเดินทางได้ทั้งรถยนต์ เครืองบิน และรถทัวร์ครับ สำหรับทริป 3 วัน 2 คืนของผมนั้น อันที่จริงเจ้าของทริปเค้าเน้นไปแค่ดอยช้างเท่านั้น ดังนั้นเราใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ ลำปาง พะเยา
แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าแม่สรวยเลยครับ หลังจากนั้นบอกตรงๆ ว่า นึกได้ที่ไหนก็ไปที่นั่นกันเลย เที่ยวแบบนี้ก็สนุกดีครับ แต่ก็ต้องมีความรู้เรื่องเส้นทางและแหล่งท่องเที่ยวสักนิดนึงนะครับ
รีสอร์ท ที่พักเชียงราย
ที่พักดอยช้าง
เราไปดอยช้างเพียงแค่ไปดื่มกาแฟแค่นั้นครับ แต่ร้านอาหารที่เราไปทานข้าวนั้นเค้ามีที่พักให้ด้วยคืนนึง 700 ขึ้นไป ราคาปัจจุบันและรายละเอียดนั้น
สอบถามโดยตรงที่เบอร์นี้ครับ 089-2662850, 086-1888109
ที่พักสามเหลี่ยมทองคำ
ที่พักสามเหลี่ยมทองคำนั้น มีที่พักราคาถูกเยอะครับ คืนนึง 300 กว่าบาทก็มี 600 ก็มีให้เห็น แต่ไม่ได้อยู่ติดริมน้ำนะ ผมเลือกพักที่ สามฝั่งของ เนื่องจากราคานั้น พอเหมาะกับคุณภาพของห้องพัก และวิวที่ติดริมน้ำครับ และที่สำคัญเราไปถึงสามเหลี่ยมทองคำกันเย็นแล้ว ไม่อยากเสียเวลาต้องไปตระเวนหาที่พักกันอีก สามารถโทรสอบถามราคาที่พักได้โดยตรงที่ 053-784198
ที่พักภูชี้ฟ้า
เราพักที่บ้านระเบียงฟ้า ซึ่งที่พักนั้นสะอาด และแยกห้องพักแบบสองคน หรือแบบกลุ่มกันแบบชัดเจน มีน้ำอุ่น ผ้าห่มอุ่นมากๆ ครับ(อยากขโมยกลับบ้านสักผืน อิอิ) ราคาที่พักจะคิดต่อหัว หัวละ 500-600 อาจจะขึ้นอยู่กับเทศกาล ราคานี้รวมอาหารเย็นและเช้าครับ ส่วนที่พักอื่นๆ ที่ผมเดินถามดูก็ราคาเหมือนกันหมดครับ เป็นไปได้ผมอยากให้จองกันไปก่อนดีกว่าครับ อย่าไปหาเอาข้างหน้าแบบผม สอบถามที่พักโดยตรงได้ที่ 081-8855721, 089-8768565
ที่กางเต๊นท์ภูชี้ฟ้า
พี่ทรงเดช หรือสมเดช ผมไม่แน่ใจเพราะพี่เค้าพูดไทยไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่เบอร์โทรนั้นคือ 080-6748128 รบกวนให้โทรติดต่อพี่เค้าในกรณีที่หาที่กางเต๊นท์ไม่ได้แล้วจริงๆ นะครับ
สถานที่ท่องเที่ยวเชียงราย
จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่สถานที่ท่องเที่ยวนั้นเยอะมาก มีเกือบทุกอำเภอเลย และแต่ละสถานที่ท่องเที่ยวก็อยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่ครับ ผมเองไปทริปนี้ไม่ได้วางแผนแต่อย่างใด แต่ถ้าจะแวะที่เที่ยวริมทางนั้นบอกได้เลยว่า แวะกันเหนื่อยครับ เพราะเยอะจริงๆ สถานที่ท่องเที่ยวดังๆ เช่น
วัดร่องขุ่น ภูชี้ฟ้า ผาตั้ง ไร่ชาฉุยฟง ดอยตุง สามเเหลี่ยมทองคำ ไร่แสงอรุณ ดอยช้าง ไร่แม้ฟ้าหลวง วัดพระสิงห์ วัดพระแก้ว ดอยแม่สลอง แม่สาย เชียงของ นึกไม่ออกแล้วครับ เยอะจริงๆ
ทริปนี้ ภูชี้ฟ้า เชียงราย 3 วัน 2 คืนนี้ อาจจะไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็หวังว่าพอเป็นข้อมูลให้ผู้อ่านได้บ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ
ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณมากมาย ขอบคุณอย่างแรง นายหัว
อุปกรณ์:
กล้องดิจิตอล : Olympus OMD EM5
เลนส์ : zuiko 12-50/f3.5-6.3