รีวิว เกาะหลีเป๊ะ อาดัง ราวี 3 วัน 2 คืน หลีเป๊ะรีสอร์ท
เกาะหลีเป๊ะ เป็นเกาะที่ผมอยากไปมากที่สุดตั้งแต่ตอนเด็กๆ เนื่องจากบ้านผม(ตรัง)อยู่ติดกับสตูล และได้ยินชื่อ หลีเป๊ะ กับท่าเรือปากบาราบ่อยๆ ชื่อเกาะหลีเป๊ะเลยฝังอยู่ในหัวผมตลอด ผมวางแผนล่วงหน้าเป็นเดือนเพื่อจะไปเกาะหลีเป๊ะ ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด ก่อนวันเดินทางมีประกาศเตือนเรื่องพายุเข้าทางใต้ ใช่ครับเมื่อถึงเวลานั้นอะไรก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไม่ได้ การเดินทางไปหลีเป๊ะ เราต้องไปลงเรือที่ท่าเรือปากบารา จังหวัดสตูล ซึ่งถ้าเดินทางจากกรุงเทพ สามารถไปได้สองทาง
คือนั่งเครื่องไปลงที่สนามบินหาดใหญ่ แล้วต่อรถสองแถวไปยังท่ารถตู้ หาดใหญ่-ปากบารา หรือ นั่งเครื่องไปลงที่สนามบินตรัง เดินทางจากตรัง ผ่านอำเภอทุ่งยาว ละงู และท่าเรือปากบารา
ผมเดินทางจากกรุงเทพโดยสายการบินไปลงที่สนามบินหาดใหญ่ โดยมีสายฝนอันชุ่มฉ่ำให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เนื่องจากฝนตกตลอดเวลา การเดินทางคงทุลักทุเล ผมเลยตัดสินใจใช้บริการรถรับส่งจากสนามบินหาดใหญ่ตรงไปยังท่าเรือปากบารา (แท็กซี่หาดใหญ่) เพื่อลดระยะเวลา และขั้นตอนการเดินทางหลายต่อ
10 โมงกว่าๆ ผมถึงท่าเรือปากบารา จังหวัดสตูลแล้วครับ ใช้เวลา ชั่วโมงนิดๆ เนื่องจากฝนตก รถขับเร็ว ไม่ได้
การเดินทางไปเกาะหลีเป๊ะ ใช้เวลานานนะครับ ผมแนะนำให้หาอะไรรองท้องกันซะก่อน
ผมเลือกเมนูง่ายๆ (แต่เบิ้ล2) ที่ร้านบังวร อยู่ที่หน้าท่าเรือปากบารา ติดกับ 7-11 นั่นแหละครับ
การเดินทางไปหลีเป๊ะ ต้องไปถึงท่าเรือก่อน 11 โมงจะดีนะครับ เพราะเรือจะออกเวลา 11.30น.
ซึ่งกว่าจะไปถึงหลีเป๊ะ ก็บ่ายๆ เลยทีเดียว
ผมใช้บริการของที่นี่ เลยถ่ายเบอร์โทร และตารางเดินเรือไว้ด้วย เผื่อเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังหาข้อมูลเดินทางไปหลีเป๊ะ
เมื่อได้เวลาก็ต้องผ่านด่านของอุทยาน เสียค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาทครับ ดูบรรยากาศวันนี้สิครับ ฝนลงเม็ดตลอดเวลาเลย
การเดินทางทางทะเลแบบมีฝนและพายุ ถึงแม้ผมจะเจอมาเยอะ แต่ก็นะ ใจก็หวั่นๆ เหมือนกัน แหะๆ
เนื่องจากฝนตกตลอด แถมมีคลื่นสูงเรือเลยวิ่งได้ช้า สักพักนึงเราก็มาถึงอุทยาแห่งชาติเกาะตะรุเตา เรือจะจอดให้เราลงไปถ่ายภาพประมาณ 15 นาที
อันดับแรกก็อย่าลืมแวะไหว้เจ้าพ่อตะรุเตา เพื่อเป็นศิริมงคลก่อนนะครับ
อีกมุมนึงที่พลาดไม่ได้ คือถ่ายกับป้ายอุทยานตะรุเตา เนาะ
ไม่แค่อึดใจก็ต้องลงเรือกันต่อแล้วล่ะครับ
เชื่อไหมครับว่าผมถึงหลีเป๊ะ บ่าย 2 กว่า งานนี้รวมเวลาแล้ว ก็เกือบ 3 ชั่วโมงเลย สาเหตุมาจากฝนตกน่ะครับ
เรือจะมาส่งที่โป๊ะกลางน้ำบริเวณหาดพัทยา และต้องนั่งเรือลงไปอีกต่อนึง
ผมพักที่หลีเป๊ะ รีสอร์ท ที่หาดพัทยา ที่นี่หน้าหาดเล่นได้นำได้สบายครับ หน้าหาดนั้นจะไม่มีเรือจอดเลย
(หลีเป๊ะ รีสอร์ท เปลี่ยนเป็น บิลล่า วิสตา บีส รีสอร์ท อัพเดทวันที่ 17-06-2014)
ภาพนี้เป็นแผนที่ของเกาะหลีเป๊ะ และหาดต่างๆ ครับ
แผนที่เกาะหลีเป๊ะ สตูล
และนี่คือห้องพักของผมครับ ติดทะเลแบบนี้เลยล่ะ แหล่มป่ะ
เปิดประตูปุ๊บ ก็จะเจอเตียงขาวๆ นุ่มๆ แบบนี้ ไอยะ!! มีดอกไม้ซะด้วย
แค่เปิดผ้าม่านสีฟ้า ก็จะเห็นทะเลเต็มๆ เลยล่ะครับ วิวแจ่มจริง ไรจริง
ห้องพักจะออกสไตล์เรียบๆ ครับ แต่ผมว่าสีมันเข้ากันดีกับทะเลนะ
แค่กระจกใส บางๆ ที่กั้นระหว่างห้องกับทะเล เห็นแล้วอยากลงไปย่ำทรายนุ่มๆ แล้วล่ะ
เตียงนอนเค้าเหมาะสำหรับสองคน เอาไว้นอนชมวิวทะเล จากห้องพักกันเลย
สามคนก็พอนอนได้นะ ก็โซฟาข้างๆ นั่นไง
ตู้เย็นก็มีพร้อม เอาไว้แช่เบียร์เย็นๆ สำหรับคืนนี้ อิอิ
ห้องน้ำจะแยกกันเป็นสัดส่วนครับ มีอุปกรณ์ที่จำเป็นครบถ้วน
ห้องเค้าจัดได้กะทัดรัดดีครับ พื้นที่เหลือเฟือ ผมเห็นห้องข้างๆ อยู่กัน 4 คนแน่ะ
แต่ว่าตอนนี้ผมชักจะมีปัญหาซะแล้วล่ะ คงเป็นเพราะเพลียจากการเดินทาง พอเจอเตียงนุ่มๆ ชักจะง่วงแล้วสิ
เอาน่ะ ยังไงฝนก็ตกอยู่ ขอนอนเก็บแรงไว้เดินถนนคนเดินคืนนี้หน่อยล่ะกัน
ขออนุญาตนะคร๊าบบบ มันทนม่ายยหวายยจริง ๆ
ผมตื่นอีกที ก็จะหกโมงเย็นไปแล้วล่ะ ถึงแม้ท้องฟ้าจะครึ้มไปด้วยฝน แต่หลีเป๊ะตอนเย็นๆ
ก็ยังมีบรรยากาศสวยๆ ให้ชมอยู่
ผมเดินออกจากที่พัก ที่หลีเป๊ะ รีสอร์ท ไปทางขวาสุดของหาด จะมีแนวโขดหิน
ให้เรานั่งชมวิวตอนเย็นของหาดพัทยา
ชายหาดแถวนี้ เมื่อตอนกลางวันตอนเดินมานั้น เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว
แต่พอตกเย็น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่มีคนเลยครับ
เสียงคลื่นกระทบฝั่งเบาๆ คลอเคล้าด้วยเสียงฟ้าร้องอยู่ห่างๆ ทะเลตอนฝนตกก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ
อาจจะเป็นไปได้ครับ ที่ช่วงเวลานี้คนน้อย เพราะไม่มีใครเค้ามาเดินตากฝนเหมือนผม อิอิ
เดี๋ยวเราเดินย้อนกลับไปดูชายหาดหน้าที่พักกันบ้างดีกว่าครับ
บรรยากาศดูเงียบๆ เหงาๆ มากครับ ทะเลหลังฝนเนี่ย มันก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ก็ดีครับ ไม่วุ่นวายดี
ผมถือโอกาสไปอาบน้ำซะก่อน ก่อนที่จะออกมาอีกที เพื่อหาข้าวกินตอนเย็น
กะว่าจะเดินไปทางด้านซ้ายของหาด แต่คืนนี้ผมมีเป้าหมายไปโซนนั้นอยู่แล้ว
มื้อนี้เลยฝากท้องไว้ที่ครัวของ หลีเป๊ะ รีสอร์ท ซะเลยล่ะกัน
ร้านอาหารของหลีเป๊ะ รีสอร์ท จะอยู่ติดหาดเลยครับ นั่งกินข้าวไป ชมวิวไปได้สบายเลยล่ะ
พื้นที่โซนด้านหน้านั้นโดนจับจองไปหมดแล้ว ผมเลยต้องมานั่งด้านในแทน แต่ก็ยังชมวิวได้ชัดเจนอยู่
บรรยากาศตอนเย็นๆ ของหลีเป๊ะ รีสอร์ท เรียกได้ว่าแจ่มครับ นั่งมองออกไปข้างนอกแล้วมันเพลินตา เพลินใจดี
ด้านหน้านั้นมีบาร์บีคิว พร้อมอาหารทะเลสดๆ สั่งปิ้งย่างกันได้ตามใจชอบนะครับ
สอบถามพนักงาน ได้ความว่า ที่นี่เค้าเพิ่งจัดงานแต่งไปสดๆ ร้อนๆ เสียดายจังมาไม่ทัน
ไม่งั้นเจ้าสาวอาจเปลี่ยนใจ อิอิ
ขวามือของหลีเป๊ะ รีสอร์ท จะมีบาร์เล็กๆ ติดชายหาด เอาไว้นั่งจิบอะไรเบาๆ ก่อนนอน
พร้อมมีเสื่อกับหมอนอิง ให้นอนชมวิวทะเลหลีเป๊ะกันแบบชิลๆ
ที่มองเห็นไกลๆ นั่น คือเป้าหมายของผมคืนนี้ครับ walking street หรือ ถนนคนเดิน เกาะหลีเป๊ะ
ก่อนจะไปถนนคนเดิน ผมเดินเล่นแถวนี้ เพื่อย่อยอาหารไปพลาง ๆ
บริเวณหน้าหลีเป๊ะรีสอร์ท ตอนกลางคืน จะมีการจุดไฟบริเวณหาด
ทำให้บรรยากาศนั้นออกไปทางโรแมนติกเนาะ
ใครชอบความสงบ เป็นส่วนตัว ผมแนะนำโซนนี้นะครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน
เอาล่ะ คืนนี้ไม่ว่าฝนตกฟ้าร้องยังไง ผมก็จะไปถนนคนเดินหลีเป๊ะ ให้ได้…งั้นไปกันเลยดีกว่าครับ
เดินไปเรื่อยๆ ระหว่างทาง ก็จะเจอร้านอาหารริมหาดแบบนี้ตลอดทางครับ แต่คนจะเยอะหน่อย
เดินจากหลีเป๊ะ รีสอร์ท ประมาณ 300 เมตร ก็จะถึงถนนคนเดิน เกาะหลีเป๊ะครับ
เรียกได้ว่าที่นี่ เป็นแหล่งรวมนักท่องเที่ยวของเกาะเลยล่ะ ไม่ว่าพักหาดไหน ก็ต้องมาที่นี่กันทั้งนั้น
โซนโน้นดูแล้วคนเยอะเอาการเลยทีเดียว เดี๋ยวออกมาจากถนนคนเดินก่อนแล้วค่อยแวะไปเนาะ
ถนนคนเดิน บนเกาะหลีเป๊ะ นั้นจะเป็นร้านค้าสองข้างทางนะครับ
ไม่ใช่ถนนคนเดินที่พ่อค้าแม่เค้าเอาของมาวางขาย เหมือนเชียงใหม่ หรือปาย
ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารทะเลสดๆ ร้านเหล้า ร้านโรตี และอุปกรณ์สำหรับดำน้ำ หรือที่เกี่ยวข้องกับทะเล
ร้านอาหารถือว่าเยอะมากทีเดียว จากที่ดูๆ นักท่องเที่ยวหลายท่านก็มาฝากท้องกันที่นี่
ส่วนร้านนี้ คนเยอะจริงไรจริง ผมเห็นทีแรกคิดว่าเค้ามีเรื่องอะไรกัน
ที่ไหนได้คนยืนรอคิว จนล้นออกมาบนถนนเลยครับ
ชื่อร้าน เตอร์บิลัง สตูล ครับ อยากจะลองชิมเหมือนกันครับ แต่คิวเยอะมาก รอไม่ไหว
ส่วนร้านอาหารแนวฝรั่งก็มีเยอะอยู่นะ เจ้าของร้านเป็นฝรั่งซะด้วย
แต่ไม่ต้องกังวลไปสำหรับคนไทยอย่างเรา ร้านอาหารตามสั่งสไตล์บ้านเราก็มีอยู่
บางร้านตกแต่งร้านได้เก๋ดีครับ แต่ร้านแนวนี้ส่วนใหญ่เจ้าของจะเป็นฝรั่ง
แต่ผมรู้สึกว่าร้านเหล้าจะเยอะไปหน่อยนะครับ สำหรับถนนคนเดินเกาะหลีเป๊ะ
ร้าน รักษ์เล ร้านนี้เค้าว่าอาหารอร่อยแต่ผมไม่ได้แวะชิม เพราะยังอิ่มอยู่ ใครไปหลีเป๊ะ ก็ลองแวะชิมดูนะ
ป่ะ เดินกันต่อ ยังมีอะไรให้ดูอีกเยอะครับ สำหรับถนนคนเดินที่นี่
เดินไปสักพัก เราจะเจอโค้งหักศอกเป็นถนนแคบๆ
ผมเห็นมีคนเดินกลับกันเยอะ อย่าคิดว่ามันสุดทางแล้วนะครับ
เลยโค้งไป เราจะเจอหลักกิโลหลีเป๊ะ เอาดิ มีกะเค้าด้วย เหรอเนี่ย
ใกล้ๆ กันนั้นมีร้านน่านั่ง ชื่อร้าน ภูบาร์ มีดนตรีสด ให้นั่งฟังกันเพลินๆ ครับ
ผมว่าจะนั่งฟังเพลงซักกะหน่อย แต่โต๊ะเต็มทุกโต๊ะเลย
ตรงข้ามกันนั้นจะมีร้านพิซซ่า ถนนคนเดินหลีเป๊ะเนี่ย ผมรู้สึกว่าจะมีอาหารนานาชาติเยอะไปหน่อยนะ
เห็นสีร้านพิซซ่าร้านนี้แล้ว ชวนให้นึกถึง Palio เขาใหญ่เลยแฮะ
ว่าจะแวะไปดูของร้านนี้สักหน่อย แต่เห็นหน้าเจ๊แกแล้ว ขอเบรคไว้ก่อน สงสัยเจ๊แกคงเครียด
มีแต่คนเดิน แต่ไม่มีคนซื้อ อิอิ
เดินมาเรื่อยๆ จนถึงสามแยกนี้ จุดนี้แหละครับ ถึงจะเรียกว่าสุดทางถนนคนเดินแล้ว
จะมีป้าย Lipe Walking Street เหมือนกับทางเข้าเลย
บริเวณนี้ก็มีร้านค้าเยอะเช่นกันครับ นั่งทานน้ำให้หายเหนื่อย แล้วค่อยเดินกลับกันก็ได้
เดี๋ยวเราเดินย้อนกลับกันเลยนะครับ
ร้านเจ๊ เมื่อกี๊มีลูกค้าเข้าร้านแล้วล่ะ น่าจะช่วยให้เจ๊แกอารมณ์ดีขึ้นหน่อย
ขากลับว่าจะแวะนั่งฟังเพลงร้าน POOH BAR แต่ก็นะ โต๊ะยังเต็มเช่นเคย งั้นไม่เป็นไร ไว้คราวหน้าล่ะกัน
ขากลับแวะชิมโรตีผลไม้หน่อย ของเค้าอร่อยจริงครับ แต่ผมว่าติดหวานไปหน่อยนะ
ร้านนี้เห็นคราแรก ผมคิดว่าเป็นร้านขายรองเท้ามือสองที่ไหนได้ ร้านอาหารนี่แหละครับ คนเยอะดี
และแล้วผมก็โดนนักเลงเจ้าถิ่นหาเรื่องเข้าจนได้ แหมแค่ไปขอถ่ายรูปหน่อยพี่แกทำตาขวางใส่ซะงั้น
ไม่แค่นั่นน่ะสิ พี่ท่านเล่นข่วนกล้องกันเลยล่ะ ดุจริงไรจริง
ดูท่าพี่ท่านจะอารมณ์ไม่ดีจริงๆ ด้วย อิอิ
ใครเหนื่อยๆ ก็แวะทานไอติมอิตาลี่ได้นะ ผมบอกแล้วไงว่าถนนคนเดินหลีเป๊ะเนี่ย อาหารนานาชาติเยอะมาก
ขากลับมา ร้านเตอร์บิลัง คนยังไม่ซาเลยครับ ขายดีจริงๆ ใครมีโอกาสไปหลีเป๊ะ อย่าลืมแวะชิมดูนะครับ
ตู้ไปรษณีย์เค้าน่ารักดีครับ ร้านที่ปิดเนี่ย น่าจะเป็นร้านขายโปสการ์ดนะ ถ้าให้ผมเดา
เอาล่ะครับ เดินออกมาจากถนนคนเดินกันแล้ว เราลองเลี้ยวซ้าย เดินไปชมชายหาดกันต่อ
เด็กๆ แถวนั้นมีโชว์ควงกระบองไฟกันด้วย น่าเสียดายครับ พอผมไปถึงเค้าก็หยุดแสดงพอดี
ชายหาดโซนนี้ คนจะเยอะหน่อยครับ มีร้านอาหาร ดนตรี และกิจกรรมเยอะกว่าโซนที่ผมพัก
คืนนี้กิจกรรมผมหมดเพียงแค่นี้ ที่เหลือก็ไปจิบเบียร์เย็นๆ ที่บาร์ หลีเป๊ะ รีสอร์ท ก่อนนอนครับ
————————————————–
เสียงฝนและลมที่แรง ของเช้าวันใหม่ ปลุกผมให้ตื่น 7 โมง
ใช่แล้วครับ วันนี้ที่หลีเป๊ะ ฝนก็ยังตกอยู่เช่นเดิม ส่งผลให้อากาศตอนเช้ามันเย็นแบบเหน็บๆ นิดหน่อย
กิจกรรมวันนี้ของผมคือท่องเกาะหินงาม เกาะยาง เกาะระวี และเกาะอาดังครับ
โดยผมเลือกใช้บริการของ หลีเป๊ะ รีสอร์ทนี่แหละครับ สะดวกดี แถมราคาก็ไม่ต่างกับซื้อแพกเกจ
ในงานเที่ยวไทยเลย
และเค้ายังมีรถรับส่งไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งผมเองก็ใช้บริการของที่นี่ เส้นทางสนามบินหาดใหญ่-ท่าเรือหลีเป๊ะ ทั้งไปและกลับเลยครับ
ซึ่งเคาเตอร์บริการ ก็อยู่หน้าหลีเป๊ะ รีสอร์ท นั่นแหละครับ ราคาเรือไม่แพงอย่างที่คิด ไปกันหลายคน
ต้องบอกว่าโคตรคุ้มครับ
สักพัก ฟ้าก็มีตา ประทานแสงแดดอ่อนลงมา บร๊ะเจ้า!!! ผมอยากจะวิ่งกระโจนลงน้ำ ณ บัดนาว เลย
เชื่อไหมครับ จากบรรยากาศที่ดูเหงาๆ กลายเป็นสดใสขึ้นมาในพริบตา
แป๊บเดียว เรือที่พาผมไปทัวร์วันนี้ ก็มาถึงครับ เร็วทันใจดีแท้
ผมขึ้นไปบนเรือแล้ว ไม่ลืมที่จะเก็บภาพน้ำใสๆ ของหลีเป๊ะ มาฝากกันครับ
มุมนี้ถ่ายจากบนเรือ ไปยังหน้าที่พัก หลีเป๊ะ รีสอร์ท ครับ น้ำใสปิ๊ง จริงๆ ไม่ได้โม้
ดูมุมฝั่งกันแล้ว เราดูมุมในทะเลกันมั่ง ตอนนี้ทะเลหลีเป๊ะ เริ่มคึกคัก
เรือนำเที่ยวเริ่มทยอยออกกันมาเยอะขึ้นแล้ว
“บัง” คนขับเรือ บอกกับผมว่า คิดว่าวันนี้ไม่มีเที่ยววิ่งซะแล้ว เนื่องจากฟ้าฝนไม่เป็นใจ นักท่องเที่ยวจะไม่ออกไปดำน้ำ และนั่งเรือเที่ยว ทำให้คนขับเรือเอง ก็ต้องลุ้นสภาพอากาศไปพร้อมๆ กับนักท่องเที่ยวนั่นแหละ
บังถามผมว่าพร้อมหรือยัง แหม อยากจะบอกบังว่า ถ้าบังยังช้ากว่านี้ ผมจะว่ายน้ำไปเองแล้วเนี่ยยยย
เอาล่ะครับออกเดินทางกันเลย นั่งมาสักแป๊บ ลองย้อนไปดูฝั่งกันหน่อย
ใช่ครับ นั่นคือหาดพัทยา ที่ผมพัก
เป้าหมายแรกของผมคือ เกาะหินงามครับ ระหว่างทางก็นั่งชม วิว และน้ำทะเลสวยๆ ไปเพลิน ๆ
เมื่อออกจากฝั่งสักพัก ฟ้าก็ครึ้มๆ มาอีกแล้วล่ะ ภาวนาอย่าให้ฝนตกก็พอครับ
เรือเยอะมากครับ ต้องรอแป๊บนึงให้เรือลำอื่นออกก่อน เที่ยวช่วงวันหยุดยาวทำใจเผื่อๆ กันไว้นิดนึงนะครับ
เกาะนี้มีหินสวยๆ ให้ดูให้ชมเยอะ ผมแนะนำให้ใส่รองเท้าลงไปด้วยนะครับ
ไม่เช่นนั้นเมื่อลงไป ท่านอาจจะกระโดดลงน้ำโดยทันทีแบบผม มันร้อนนนนน!!!!
เกาะนี้เค้าว่ากันว่าใครมาแล้ว ต้องเรียงหินให้ได้ 12 (บางคนบอก 13) แล้วอธิษฐานสิ่งที่ต้องการครับ
แต่ผมไม่ได้เรียงหินกับเค้าหรอกครับ ใช้หินที่คนอื่นเรียงนั่นแหละ แล้วแอบเนียนอธิษฐาน อิอิ
(อธิษฐานว่า ขอให้โลกสงบสุข ….ฟังดูดีเนาะ)
หินที่เกาะนี้งามสมชื่อครับ แปลกเหมือนกันนะอยู่ดีๆ มีหินกลางทะเลแบบนี้
ที่แปลกอีกอย่างนึงคือ น้ำทะเลบริเวณนี้มันเย็นดีทีเดียวล่ะ สงสัยเพราะหินแน่ๆ เลย
เกาะหินงาม จะเป็นเป้าหมายแรกของเรือส่วนใหญ่ ที่พานักท่องเที่ยวมา ดังนั้นคนจะเยอะหน่อย
แต่เกาะนี้อยู่กลางแดดเปรี้ยงๆ วันนี้โชคดีฟ้าครึ้มเลยไม่ร้อนเท่าไหร่ หากเป็นวันธรรมดา บังบอกว่า ร้อนมากๆ
ผมเดินถ่ายภาพแค่แป๊บเดียวครับ เพราะเกาะหินงามไม่ได้กว้างอะไรมากนัก
ชื่นชมความสวยงามของเกาะหินงาม เสร็จแล้ว เราไปเป้าหมายอื่นกันต่อเลยดีกว่า
เกาะยาง เป็นเกาะที่อยู่ระหว่งเกาะอาดังกับเกาะราวีครับ เกาะนี้มีนักท่องเที่ยวไปดำน้ำกันเยอะเลยล่ะ
บังเล่าให้ฟังว่า เกาะยางเป็นเกาะแรกที่ถูกค้นพบ ในบริเวณเกาะแถบนี้
เกาะยางน้ำใสมากๆ ครับ แถมเงียบด้วย ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวแวะขึ้นเกาะกันเท่าไหร่
บังบอกว่า ถ้าผมชอบเงียบๆ นะ เดี๋ยวพาไปที่หาดยาง(บังเรียกแบบนั้น)
หาดนี้มีแค่นักท่องเที่ยวชาวจีน(ในชุดบิกีนี่แสนสวย) อยู่สองคน แหมนึกแล้วยังกะหาดสวรรค์ 555
เป็นบรรยากาศที่สุดยอดจริงๆ ครับ น้ำใส ทรายขาวสะอาด แถมเงียบสงบ (แอบถ่ายภาพนึงนะ แหะๆ )
เรือส่วนใหญ่ที่ผมสังเกตุ เค้าจะขับผ่านไปนะครับ ไม่ค่อยมีใครแวะเลย ขอบคุณบังจริงๆ ที่พามาที่นี่
ดูกันชัดๆ ครับ ว่าน้ำใสจริงๆ และไม่มีคนจริงๆ อยากอยู่เกาะนี้ ไม่อยากไปไหนเลยครับ ณ เวลานั้น
สักพักสองสาวชาวจีน เค้าก็จากไป เอาล่ะทีนี้ทั้งหาดก็เป็นของผมแล้วล่ะ
อดใจไม่ไหวจริงๆ ขอกระโดดน้ำแป๊บนะ(จริงๆ)
เมื่อเล่นน้ำจนสมใจอยากแล้ว ก็มาจับกล้องเดินเก็บบรรยากาศต่อครับ
ใครที่นั่งเรือเที่ยวหมู่เกาะต่างๆ ในหลีเป๊ะ อย่าลืมบอกคนขับเรือให้แวะที่นี่นะครับ พลาดไม่ได้จริงๆ
ผมล่ะดีใจจริงๆ ที่ไม่ยกเลิกทริปนี้ ไม่งั้นคงไม่ได้มาเจออะไรแบบนี้
ฝนฟ้าก็เป็นเรื่องธรรมชาติครับ อาจจะเดินทางลำบากหน่อย แต่ได้เจอบรรยากาศแบบนี้แล้ว โคตรคุ้ม
ผมอยู่บนหาดนี้นานพอควรเลยล่ะ ซึ่งบังเองก็ไม่ได้เร่งรีบอะไรเลย
แต่ก็นะ ยังมีเกาะอื่นให้ไปอีก ถึงจะชอบแค่ไหน ก็จำต้องลา
หาดยางนี้มีปูเสฉวนเยอะมากนะครับ เสียดายว่าภาพที่ผมถ่ายปูเสฉวนดันเสีย เลยไม่ได้เอามาให้ดูกัน
เฉพาะหาดนี้ ผมถ่ายภาพไปเยอะมากๆ น้ำทะเลสวยๆ แบบนี้ถ่ายภาพสนุกมือผมเลยทีเดียว
ปลาตัวเล็กๆ แบบนี้ อย่าเรียกว่ามีเยอะเลยครับ เรียกว่าทั้งหาดเลยดีกว่า เยอะมากกกกกกกก
ผมเคยเจอปลาแบบนี้ที่เกาะขาม สัตหีบ ผมว่าที่นั่นเยอะแล้วนะ แต่ที่นี่เยอะกว่าหลายเท่า
ว้าาา ต้องไปแล้วล่ะ เดี๋ยวเราไปเกาะราวีกันต่อเลยย
ที่เห็นด้านหน้านั่นล่ะครับ เกาะราวี เห็นเรือแล้วอย่าคิดว่าเยอะครับ บังบอกว่า นี่ยังน้อยไป!!
หาดนี้เรียกว่า หาดทรายขาว ครับ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะมาพักทานข้าวกันที่นี่
บนหาดนี้ จะมีน้ำจืด ห้องน้ำ และร้านอาหารเล็กๆ ของอุทยานไว้ให้บริการด้วยล่ะครับ
ภาพชุดนี้อาจจะมีภาพเรือเยอะไปหน่อยนะครับ อย่าเพิ่งเบื่อกันซะก่อนล่ะ
เมื่อลงหาดแล้วให้เดินไปทางขวามือนะครับ จะมีห้องน้ำ และร้านอาหาร และก็วิวสวยๆ ให้ถ่ายรูป
อย่างที่บอกวครับว่า ที่หาดทรายขาว บนเกาะราวีนี้ ส่วนใหญ่เค้าจะพักทานข้าวกัน
ดังนั้นเรือจะจอดนานเป็นพิเศษ
ใครอยากเล่นน้ำ ก็จัดเต็มได้เลยครับ น้ำใสสวยมากๆ
เดินต่อไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับป้ายของหาดทรายขาวล่ะครับ
วันนี้ถือว่าน่าเล่นน้ำมากครับ เพราะว่าไม่ค่อยมีแดดเท่าไหร่นัก
ตัวผมนั้นเล่นน้ำจนสะใจแล้วล่ะ ที่เกาะยาง ดังนั้นมาเกาะราวี ผมเลยเน้นนั่งชมวิวชิลๆ ดีกว่า
เดินต่อไปอีกหน่อยครับ จะมีชิงช้าให้โล้กันเล่นๆ ริมหาด แถมร่มรื่นดีซะด้วยสิ
หากอยากได้ความเป็นส่วนตัวแนะนำให้เดินไปสุดหาดนะครับ ไม่ค่อยมีใครเดินไปมากนัก สงบดี
ได้นั่งใต้ร่มไม้เย็นๆ แถมมองออกไปแล้วเจอกับทะเลที่สวยงามแบบนี้ มันสุดยอดจริงๆ
ขอนั่งพักแช่น้ำตรงนี้หน่อยล่ะกัน
อยากจะโล้ชิงช้ากับเค้ามั่งไรมั่งนะ แต่กลัวกิ่งไม้จะหัก 555
ที่หาดทรายขาว ปูเสฉวนก็เยอะอยู่เหมือนกันครับ มันจะออกมาเต็มหาดเลยถ้าไม่มีคน
ใครมาทีหาดทรายขาว เกาะราวี ผมแนะนำอย่าไปกองอยู่ที่คนเยอะๆ นะครับ
ตรงสุดหาดบรรยากาศมันแจ่มกว่ากันเยอะ
อันที่จริงบังให้ผมอยู่บนเกาะนี้ได้นานกว่านี้นะครับ แต่จากที่ดูรู้สึกคนชักจะเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ ล่ะ
เดี๋ยวเราเดินย้อนกลับไปที่เรือ เพื่อไปเกาะต่อไปกันเลยดีกว่าครับ
เกาะต่อไปที่ผมจะไป น้ำจะใสแจ๋วเหมือนเกาะราวี หรือปล่าวน๊าาา
เจ้าตัวเล็กสองคนนี้ เล่นน้ำตั้งแต่ผมเดินไป ยันเดินกลับเลย หนุกหนานเค้าล่ะ
เอาล่ะสิ จำได้ไหม ตอนผมมาเรือจอดน้อยมาก แต่ขากลับ เรือจอดเรียงกันเป็นตับเลย
เรือก็ดันเหมือนๆ กันหมด แล้วลำไหนเป็นเรือผมเนี่ยย ..ดีนะที่บังอยู่ในเรือตลอด ไม่งั้นหลงเรือแน่ๆ
ไปกันต่อเลยครับ เป้าหมายต่อไปของผม ก็คือเกาะอาดัง
แต่ก่อนจะไปเกาะอาดัง บังบอกว่า เดี๋ยวจะพาแวะอีกที่นึง ซึ่งไม่ค่อยมีคนแวะเช่นกัน
ระหว่างทางจะเจอนักท่องเที่ยวดำน้ำกันตลอดทางเลยล่ะ
ถึงแล้วครับ น้ำที่นี่เขียวได้ใจจริงๆ
ที่นี่บังเค้าเรียกว่า หาดฝรั่ง ผมเองก็เพิ่งได้ยินนี่แหละครับ
แต่ก็เรียกตามคนในพื้นที่เค้านั่นแหละ
มีเรือนักท่องเที่ยวอยู่แค่ 2 ลำเองครับ คนน้อยๆ แบบนี้แหละ ผมชอบ
2 สาว ที่เห็น ก็เป็น 2 สาว ที่ผมเจอบนเกาะยาง นั่นแหละครับ แหม เจอกันอีกแล้วนะตัวเอง
ทรายของที่นี่ ออกสีแดงๆ นิดๆ ครับ แต่ก็ละเอียดและสะอาด เหมือนหาดอื่นๆ ที่ผ่านมา
คราวนี้บังไม่เฝ้าเรือแล้วครับ แล้วบังเค้าเดินไปในป่าทำไมหนอ?
ที่แท้บังมายืนทำมิวสิค อยู่นี่เอง บังบอกว่าที่นี่เคยเป็นที่อยู่ของชาวบ้านมาก่อน
ก่อนที่อุทยานจะให้ชาวบ้านย้ายไปอยู่ที่หลีเป๊ะ เพื่อจัดระเบียบหมู่เกาะแถวนี้ครับ
แอ่งน้ำนี้ อยู่ติดกับหาดเลยครับ เพราะงั้นน่าจะเป็นน้ำกร่อย (ข้อมูลไม่ชัวร์นะครับ)
แต่ขอบอกว่าน้ำเย็นมาก ผมเองก็ไม่พลาดลงไปแช่เท้าครับ เพราะเท้าผมตอนนี้มันจะสุกอยู่แล้ว
ว้าาา 2 สาวสวยของผม เค้าจะหนีผมไปอีกล่ะ กะว่าจะเข้าไปทำความรู้จักจั๊กกะหน่อย
งั้นเราเดินไปดูวิวของหาดนี้กันดีกว่า
ตั้งแต่สายๆ มา ถึงแม้ฟ้าจะครึ้มตลอด แต่ไม่มีฝนตกเลย เลยทำให้การทัวร์เกาะของผม ค่อนข้างจะโชคดีหน่อย
นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ก็กำลังจะกลับ สุดท้ายทั้งหาดก็เหลือผมคนเดียวอีกล่ะ
ถึงแม้มาหลีเป๊ะคราวนี้ ถึงแม้อาจไม่ได้ดำน้ำ แต่การได้มานั่งชิลล์บนหาดแบบนี้ผมก็พอใจแล้วล่ะ
ไม่ว่ามองไปซ้ายหรือขวา มันก็โล่งสบายตาเสียจริงๆ
ที่เขาบอกแค่ได้มองทะเลไปแบบสุดตา จะช่วยให้สมองเราโปร่งขึ้น ท่าจะจริงแฮะ
ตายล่ะวาาา ผมเพลินจนลืมไปเลยว่า ต้องไปเกาะอาดังต่อ
ป่านนี้บังคงรอแย่แล้วล่ะ
นั่นไง ว่าแล้วไง บังสตาร์ทเครื่องรอเลย 55
ลาก่อนนะจ๊ะ หาดฝรั่ง แต่แหม ติดใจน้ำใสๆ สีเขียวๆ ของที่นี่จริงๆ
คราวนี้เดินทางนานพอสมควรครับ เอาล่ะเทียบท่ากันก่อน ที่เกาะอาดังเกาะอาดังมีคนมากางเต๊นท์เยอะครับ ไม่มีรีสอร์ทนะเออ ร้านค้าจะมีแค่ร้านเดียวเป็นของอุุทยานขึ้นเกาะอาดังกันแล้ว อย่าลืมกราบไว้ อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ เพื่อเป็นศิริมงคลกันก่อนเด้อเกาะอาดังมีจุดชมวิวที่สุดโหด เอ๊ยสุดสวย ชื่อผาชะโด ดั้นด้นมาถึงนี่แล้ว จะไม่ขึ้นไปก็ยังไงอยู่ผมแนะนำให้กินข้าว กินน้ำ และทำใจให้พร้อม ก่อนขึ้นผาชะโดนะครับ ผมเตือนคุณแล้วนะ !!แน่นอนครับจุดชมวิวสวยๆ ก็ต้องแลกกับทางขึ้นที่ลำบากหน่อยจุดชมวิวผาชะโด จะมี 3 จุด เอาเป็นว่าแค่จุดแรก ก็ต้องใช้ปากช่วยหายใจแล้วล่ะคร๊าบบบเจอทางขึ้นแบบนี้ผมนึกถึง จุดชมวิวเขาแดง ที่สามร้อยยอด และ ถ้ำพระยานคร มากๆ เลย อารมณ์เดียวกันเลยล่ะในที่สุดผมก็พาสังขารมาถึงจุดชุมวิวที่ 1 แน่นอนใครๆ ก็ต้องพักเอาแรงที่จุดนี้ก่อน
แต่วิวมันสวยจริงๆ ลมพัดเย็นๆ ช่วยให้หายเหนื่อยดีทีเดียวเลยล่ะครับ
เอาล่ะพักกันหายเหนื่อยแล้ว ต่อไปจุดชมวิวจุดที่ 2 …..ไม่ใช่เป้าหมายของผมแล้วล่ะ
ไม่ได้ยอมแพ้นะครับ แต่ฝนกำลังมา และรู้สึกจะตกหนักเอาซะด้วย (ข้ออ้าง แหะๆ)
ทรายที่ชายหาดหน้าเกาะอาดัง เนียนดั่งแป้ง น้ำทะเลก็ใส สวยสุดยอด อดไม่ได้ที่จะเล่นน้ำอีกรอบก่อนกลับ
บ่าย 3 โมงกว่าๆ แล้วครับ แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวทยอยกันมาเรื่อยๆ
ไม่แน่ครับทริปหลีเป๊ะคราวหน้า อาจจะกางเต๊นท์นอนที่เกาะอาดังสักคืน
อยากให้ได้สัมผัสด้วยตนเองจริงครับ ว่าทรายที่นี่เนียนเหมือนแป้งจริงๆ
เอาล่ะอาดังจ๋า ขอลากลับก่อนนะ มีโอกาสจะมาเยี่ยมใหม่แน่นอน
ผมกลับถึงที่พักที่หลีเป๊ะ รีสอร์ท 4 โมงเย็นกว่าๆ
เนื่องจากตอนไปทัวร์เกาะผมทำเวลาได้ดี เลยมีเวลาให้งีบนิดหน่อย ก่อนจะถึงมื้อเย็น
ผมเลือกใช้บริการครัวของหลีเป๊ะรีสอร์ท ที่พักของผมเช่นเคย เนื่องจากฝนตกพรำๆ
ไม่อยากออกไปตากฝนสักเท่าไหร่
วันนี้ที่นั่งข้างนอกไม่มีใครจับจองเลยครับ ก็แหง๋ล่ะ ฝนโปรยซะขนาดนั้น ที่นั่งในร้านเลยเต็มอย่างที่เห็น
แม้แต่บาร์บีคิว ยังต้องยกเตามาปิ้งย่างกันด้านในเลยครับ
อาหารทะเลสดๆ สั่งปิ้งย่างกันได้ตามใจชอบ ขอบอกว่าบาร์บีคิวปลาที่หลีเป๊ะรีสอร์ท อร่อยมาก
ขอปิ้งปูสักตัวล่ะกัน ตามด้วยเบียร์เย็นๆ สักขวด แค่นี้ก็แหล่มแล้ว สำหรับผม อิอิ
เมนูแรกของผมวันนี้เป็นฉู่ฉี่ปลา รสชาดมันสะเด็ดเสียจริงๆ ยกนิ้วให้เลยเมนูนี้ ถูกใจมาก
ยำสามกรอบ คือเมนูที่สอง อร่อยดีครับ เปรี้ยว เผ็ด หวาน เอ๊ะ หรือว่ายำสามรส
เอาน่ะไหนๆ อาหารมันมาเป็นเซ็ต จัดไปอีกเมนูล่ะกัน
มาเที่ยวทะเล ทั้งที ไม่มีเมนูกุ้ง มันก็คงจะไม่ได้อะนะ ตัวใหญ่ม๊วกกกก
ข้างนอกฝนตกพรำๆ วันนี้เลยไม่มีคนมานั่งขวางวิวสวยๆ ตอนโพล้เพล้ อิอิ
ต้มยำกุ้งอีกสักถ้วยเป็นไง กะทิเข้มข้น ถึงรสต้มยำกุ้ง เมื่อตอนกลางวันมันเหนื่อยอะนะ มื้อนี้เลยจัดหนัก
อิ่มแล้ว ก็ต้องเดินย่อยอาหารกันหน่อย เยอะซะขนาดนั้น เล่นเอาปวดท้องเลย
ที่หลีเป๊ะรีสอร์ท เค้ามร้านไอติมน่ารักๆ ให้นั่งเล่นกันด้วยนะครับ
ไปเที่ยวทะเล หรือดำน้ำกลับมาร้อนๆ ก็ลองไปใช้บริการกันดูนะ เค้าจัดร้านได้น่านั่งดีทีเดียว
ที่ร้านอาหารของรีสอร์ท ลูกค้ายังนั่งกันเต็มเลยครับ
แต่ผมง่วงแล้วล่ะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน แถมอิ่มอีกต่างหาก
เดี๋ยวขอตัวไปนอนก่อนนะครับ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
——————-
เช้าวันที่ 3 บนเกาะหลีเป๊ะของผม ก็ยังเจอกับฝนตอนเช้าเช่นเดิม
วันนี้ฝนโปรย ๆ แถมอากาศเย็นๆ เลยเลือกนั่งมองสาวชิลๆ ดีกว่า
กะว่าจะแอบถ่ายสาว ซะหน่อย เพ่ท่าน ดันเดินมาขวางกล้องซะนี่ จะกั๊กไปไหมเพ่!!!?
ผมเลือกกลับรอบ 13.00น. เพราะผมจองเที่ยวบินไว้ที่ 21.00น. เลยไม่เร่งรีบอะไรมากนัก
ขากลับ กลับด้วย speed Boat วิงผ่าสายฝน คลื่นก็สูงลุ้นกันเยี่ยวเหนียวเลยทีเดียวครับ แต่ก็เร้าใจดีแท้ๆ อิอิ
จบแล้วครับ สำหรับทริป หลีเป๊ะ อาดัง ราวี 3 วัน 2 คืนของผม (จบดื้อๆ เอาซะงั้น)
การเดินทางไปหลีเป๊ะ ใช้เวลาค่อนข้างนาน อาจทำให้เหนื่อยและเสียเวลาครับ
หากเดินทางจากกรุงเทพ ผมคิดว่านั่งเครื่องลงสนามบินหาดใหญ่ดีที่สุดนะครับ ประหยัดเวลาได้เยอะเลย
การเดินทางจาก สนามบินหาดใหญ่ ไปยังท่าเรือนั้น จริงอยู่ครับ การนั่งรถสองแถว จากสนามบิน ไปขึ้นรถตู้ หาดใหญ่-ปากบารา เป็นการเดินทางที่ประหยัด
แต่ให้คำนวนเรื่องความคุ้มค่าเรื่องเวลาและสภาพร่างกายด้วยนะ การใช้บริการรถรับส่ง ที่วิ่งตรงจากสนามบินไปท่าเรือปากบาราก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ หากเราเดินทางเป็นกลุ่มผมว่าคุ้มมากเลยทีเดียว
ที่พักหลีเป๊ะ ต้องบอกว่าเลือกยากจริงๆ เพราะมีรีสอร์ทสวยๆ เยอะเลยสำหรับแต่ละหาด ซึ่งก็แล้วแต่ละคนชอบ ผมเลือกที่จะใช้บริการของหลีเป๊ะ รีสอร์ท ที่หาดพัทยา เนื่องจากอยู่ใกล้กับถนนคนเดินหลีเป๊ะครับ ซึ่งทำให้กลางคืนบนเกาะหลีเป๊ะ ของผมไม่เงียบเหงา ส่วนท่านที่เลือกพักทีหาดอื่น อาจจะต้องใช้บริการรถรับส่งของรีสอร์ท หากต้องการไปเดินเที่ยวที่ถนนคนเดิน
ร้านอาหาร หลีเป๊ะ ที่หาดพัทยา เนื่องจากมีร้านอาหารให้เลือกทานหลายร้านครับ และนี่ก็เป็นเหตุผลนึงที่ผมเลือกพักที่หลีเป๊ะ รีสอร์ท หาดพัทยา และเรายังสามารถหาของกินได้ที่ถนนคนเดิน ราคานั้นก็ไม่ได้แพงมาก ถึงแม้เกาะนี้จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติก็เถอะ
กิจกรรมบนเกาะหลีเป๊ะ หลักๆ ก็คงเป็น การทัวร์เกาะ และการดำน้ำครับ ทริปนี้ผมเลี่ยงการดำน้ำเนื่องจากมีฝนตกตลอด เลยคิดว่าไม่น่าจะโอเคเท่าไหร่ การทัวร์เกาะของผม เป็นการทัวร์ในระยะใกล้ๆ นะครับ อันที่จริง มีเกาะให้เที่ยวอีกเยอะกว่านี้
ค่าใช้จ่ายเกาะหลีเป๊ะ ผมถือว่าค่อนข้างสูงทีเดียวเนื่องจาก ค่าเดินทางนั้นหลายต่อ ไหนจะค่าเครื่อง ค่าเรือ ค่ารถ ไปกลับ อีกทั้งค่าเรือนำเที่ยว หลายๆ คนจึงเลือกซื้อแพกเกจท่องเที่ยว จากงานท่องเที่ยว ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีครับสำหรับค่าใช้จ่าย แต่เราก็ต้องยอมรับความเสี่ยง กับคุณภาพของที่พัก อาหาร และทัวร์ด้วยนะครับ เจอดีก็ดีไป เจอไม่ดี ก็ได้แต่เจ็บใจ ซึ่งผมเองก็เจอมาเยอะ เจ็บมาเยอะ!! ทริปนี้ผมเลยเลือกที่พักกับทัวร์เอง ซึ่งราคาไม่ได้แพงกว่าแพกเกจเลยครับ
ยืนยันว่าเกาะหลีเป๊ะ เป็นเกาะที่สวยมาก ธรรมชาติที่สมบูรณ์มีให้เห็นอยู่ทั่วเกาะครับ
คอนเฟิร์มฟ้าสวยน้ำใส สไตล์ทะเลอันดามัน ฝนตกหนัก น้ำยังไสปิ๊งมองเห็นพื้นทรายด้านล่างเลยล่ะ
ฟันธงระยะทางครับว่าไกลจริง แต่ไม่ต้องกังวลหรอกครับ เมื่อท่านไปถึงเกาะหลีเป๊ะ เรื่องระยะทางเป็นเรื่องที่ท่านจะไม่เก็บมาใส่ใจเลย
ยังมีสถานที่ท่องเทียวอีกหลายที่ ที่ผมยังไม่ได้ไปเช่น เกาะหินซ้อน เกาะไข่ เกาผึ้ง เกาะบุโหลน เกาะรอกลอย หาดชาวเล หาดประมง อีกหลายที่เลย แต่มีเวลาแค่ 3 วัน 2 คืน ได้แค่นี้ผมก็พอใจแล้วล่ะครับ
หวังว่า รีวิวหลีเป๊ะ อาดัง ราวี ของผมคงเป็นประโยชน์กับผู้ที่หาข้อมูลหลีเป๊ะอยู่บ้างนะครับ อาจจะออกแนวลูกทุ่งไปนิดนึง แต่ก็ต้องบอกว่า “มันเป็นสไตล์” ครับ
ติดต่อสอบถามข้อมูลที่พัก หลีเป๊ะ รีสอร์ท
โทรศัพท์ : 074 750 291-2, 081 640 7380, 086 940 7339
อีเมล์ : liperesort@gmail.com
เวปไซต์ : (หลีเป๊ะ รีสอร์ท เปลี่ยนเป็น บิลล่า วิสตา บีส รีสอร์ท อัพเดทวันที่ 17-06-2014)
ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณมากมาย ขอบคุณอย่างแรง …..นายหัว
อุปกรณ์:
กล้องดิจิตอล : Olympus OMD EM5
เลนส์ : Panasonic 14mm/F2.5 ,zuiko 12-50/f3.5-6.3