naiHua

ปาย ปางอุ๋ง บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน

ปายหน้าฝน 3 วัน 2 คืน

ปายหลายคนคงคุ้นชื่อกันดี และหากคิดจะเดินทางไปเที่ยวปาย เราก็คงต้องเลือกหน้าหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่ปาย หรืออำเภอปายมีบรรยากาศเรียกว่า น่าเที่ยวทีสุด ผมเดินทางไปปายมาแล้ว ถึง 3 ครั้งในช่วงหน้าหนาว แต่ดันตรงกับวันหยุดยาวทั้งสิ้น ไม่ต้องพูดถึงว่ามันสุดแสนจะน่าเบื่อเพียงใด ต้องแย่งกิน แย่งพัก แย่งอากาศ แย่งที่จอดรถ ซึ่งเป็นทริปที่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่นัก อีก 1 ครั้งที่ผมไปปายคือช่วงเดือน ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงปายหน้าฝน ผมประทับใจกับ บรรยากาศในปายหน้าฝนเอามากๆ แต่เสียดายตอนนั้นผมไปถึงเย็น พอเช้าก็ต้องเดินทางต่อ เลยไม่ได้สัมผัสบรรยากาศปายหน้าฝนเท่าไหร่นัก

ปาย
ปาย

ปายหน้าฝนผมคิดว่าช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม เป็นช่วงที่สวยที่สุด เพราะต้นข้าวกำลังเขียวขจี และอากาศเริ่มหนาวนิดๆ แล้ว แต่ผมคงไม่มีเวลาไปช่วงนั้น หลังจากสอบถามคนในพื้นที่ได้ความว่าช่วงกรกฏาฝนในปายก็มีให้เห็นทุกวัน ผมเลยตัดสินใจเดือนทางเดือนกรกฏาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ผมว่าง ทริปปาย 3 วัน 2 คืน ของผม รวมไปด้วย ปาย ปางอุ๋ง หมู่บ้านรักไทย เป็นหลักครับ ส่วนแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ก็แวะบ้างไม่แวะบ้างตามความเห็นของผู้ร่วมทริป

คลิปรีวิวปายหน้าฝน ปี 2016

เราเดินทางโดยใช้เส้นทาง กรุงเทพ-เชียงใหม่-ปาย และเช้านี้เราแวะไหว้ครูบาศรีวิชัย
ที่ทางขึ้นดอยสุเทพกันก่อนครับ

ถือว่าโชคดีของเรา ที่เช้านี้ฝนไม่ตก เลยได้เห็นบรรยากาศไทยๆ แบบนี้ครับ

กราบลาครูบาฯ เสร็จ ถึงเวลาเปลี่ยนมือขับรถล่ะ หลังที่ผมขับมาทั้งคืน ก็ต้องของีบเอาแฮงหน่อยเด้อ..
แต่ก็นะเส้นทาง เชียงใหม่-ปาย เร้าใจซะขนาดนั้น คงจะหลับสนิทมิได้ดอก ขอแวะพักข้างทาง
ก่อนถึงห้วยน้ำดังหน่อยนะ

ร้านนี้เป็นที่แวะริมทางที่คนแน่นมากในช่วงหน้าหนาว แต่วันนี้เงียบสนิท

ถึงแม้รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีหมอกให้ชมในหน้าฝน แต่ไปเที่ยวปายทั้งทีไม่แวะ ห้วยน้ำดัง ก็ถือใจแข็งมากเลยนะ

และนี่คือสิ่งที่ผมต้องการ ต้นไม้เขียว กับบรรยากาศเย็นฉ่ำ แถมไม่มีคนเลย แหมมม ช่างมีความสุขจริง

อากาศที่นี่เย็นสมคำร่ำลือครับ แม้ไม่ใช่หน้าหนาวก็เถอะ ผมว่าที่นี่พักได้ตลอดปีเลยนะ

อาจจะไม่มีหมอกหนาขาวโพลน แต่ห้วยน้ำดังก็มีหมอกจางๆ ให้เห็นอยู่ตลอดนะ นี่ไงหลักฐาน

มาแล้วก็ต้องถ่ายรูปป้ายห้วยน้ำดังกันหน่อย ว้าาาา อยากมีคนมาแย่งคิวถ่ายภาพจัง อิอิ

จู่ๆ ก็มีลมหนาวพัดมาแรงมากครับ เล่นเอาผมขนลุกซู่เลย ไม่มาแค่ลมนะครับ มีหมอกมาด้วย

ผมและชาวคณะ กระโดดถ่ายภาพกันกลางหมอก อย่างสนุก (แต่หอบนะ) จนลืมวัยไปเลยล่ะ

เจ้าหมอกที่ว่าไม่ใช่หมอกหน้าหนาวนะครับ แต่เป็นหมอกฝน(เจ้าหน้าที่เค้าบอก) ซึ่งมาตอนลมพัด
แต่มันเย็นดีจริงๆ

สักพักพอไม่มีลม ก็เข้าสู่สภาวะปกติ ..บ้านพักหลังนี้ ผมคิดว่าคิวจองคงยาวเหยียดเลยล่ะ ว่ามะ

สักพักลมก็พัด หมอกก็มาอีกล่ะ แหมลุ้นกันสนุกจริงๆ แต่ชักจะหนาวแฮะ เสื้อแขนยาวก็ไม่ได้เตรียมมาซะด้วย

นี่หรือเปล่าที่เค้าเรียกบ้านพักกลางสายหมอก อิจฉาคนได้พักบ้านแบบนี้จริงๆ

ใครสนใจบ้านพักที่ห้วยน้ำดัง ก็จองกันได้ผ่านเวปไซต์อุทยานนะครับ จองเนิ่นๆ กันก็ดีนะ คิวยาวแน่นอน

หมอกนั้นเริ่มมาเยอะขึ้น จนมองไรไม่เห็นเลยล่ะ หลังจากถ่ายภาพนี้เสร็จ
ผมก็ถ่ายต่อไม่ได้แล้วล่ะ เพราะไอน้ำจับหน้ากล้องเต็มหมดเลย

พอหมอกจาง ก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ สนุกดีครับ นั่งลุ้นกันว่าอีกกี่นาทีหมอกจะมา

ตายล่ะวาาา ระยะทางมีอีกไกล มัวแต่นั่งลุ้นหมอกกันอยู่ เดี๋ยวเราเดินทางกันต่อเลยเนาะ

จากนั้นขับรถไปอีกนิดหน่อย ก็จะเป็นพระตำหนักเอื้องเงิน ทางเข้านั้นสวยมากครับ
โดยมีสายหมอกรอเราอยู่ด้านหน้า

วิวสวยมากครับ หมอกฝนปกคลุมทั่วพื้นที่ ยืนนานๆ นี่เสื้อเปียกได้เหมือนกันนะ

เอาล่ะครับ ต่อไปก็เป็นการเดินทางไปปายกันล้วนๆ แล้วล่ะ แหมก็นะขับรถกันมาตั้งไกล แวะนี่เลย
โป่งน้ำร้อนท่าปาย

ก่อนจะแช่เท้ากันให้สบาย ก็อย่าลืมแวะอ่านวิธีการแช่น้ำร้อนอย่างถูกวิธีกันก่อนนะครับ

พูดกันตรงๆ ว่าสถานที่ท่องเที่ยวในปาย ผมชอบที่นี่มากที่สุด มาทุกครั้งต้องแวะที่นี่ให้ได้เลยล่ะ

น้ำร้อนที่นี่ไม่มีกลิ่นเหม็นกำมะถัน อีกทั้งน้ำร้อนนั้นไหลเป็นลำธาร ทำให้รู้สึกสะอาดยิ่งขึ้น

เอาล่ะ สามหนุ่มร่วมทริปเค้าลงแช่เท้ากันแล้วล่ะ แหมมมนั่งอย่างเดียวไม่ขับเลย คงเมื่อยเท้ากันน่าดูเนาะ

ใครจะอาบก็ลงอาบได้นะครับ ส่วนใครจะแช่แค่ฝ่าเท้า ก็มีพื้่นไม้แบบนี้ไว้คอยบริการครับ

อีกอย่างที่ไม่ควรละเลยนะ อย่าแช่น้ำนานเกินไป อาจมีผลกับระบบไหลเวียนโลหิตของเราได้นะ
อ่านคู่มือกันก่อนก็ดีเด้อ

หากใครลงอาบทั้งตัวเสร็จแล้ว อย่าลืมมาอาบน้ำปกติล่ะ ห้องอาบน้ำเค้าสะอาดและกว้างขวางมากทีเดียว

ออกจากโป่งน้ำร้อนท่าปาย มานิดเดียว เราก็จะเจอสะพานประวัติศาสตร์ปาย สถานที่ท่องเที่ยวปาย อีกจุดนึงที่พลาดไม่ได้

วันนี้รู้สึกยามที่นี่จะแอบนอนกลางวันนะ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานซะเลย

ส่วนใหญ่นักท่องเทียวมาที่มาที่นี่ ต้องถ่ายภาพแบบกระโดดกันเนาะ แต่แก๊งค์ผมโดดกันไม่ค่อยไหวแล้วล่ะ

ใครเคยไปเที่ยวปายหน้าหนาว คงไม่เคยเห็นบรรยากาศสะพานปายโล่งๆ แบบนี้นะสิ อิอิ

ช่วงนี้ปายหน้าฝนแท้ๆ แต่ทำไมน้ำในแม่น้ำปาย ไม่มีเลยน้อ แปลกใจจริง

ถัดไปใกล้ๆกัน เป็นวัดพระธาตุจอมแจ้ง แต่ช่วงนี้อยู่ในช่วงกำลังบูรณะครับ คงจะเสร็จทันปีใหม่นี้

ในวันที่ฟ้าใสๆ มุมนี้สวยงามมากนะครับ ผมเคยถ่ายไว้ แต่ภาพเก่าหายไปเสียแล้ว

ไหว้พระ และกราบลากันเสร็จ เดี๋ยวเราต้องแวะไปที่พักไปอาบน้ำอาบท่ากันก่อนแล้วล่ะ

มาเที่ยวปายคราวนี้ ผมพักที่ “พริ้วปาย เกสท์เฮ้าส์” ที่พักในปาย สไตล์คนกันเอง แถมราคาถูกอีกตะหาก

บรรยากาศรอบๆ ที่ของพริ้วปาย เรียกได้ว่ามองไปทางไหนก็เป็นสีเขียวเย็นตาไปทั่วเลยล่ะครับ

ผมชอบการแบ่งโซนของที่นี่ครับ บริวเณนั้นไม่ได้กว้างขวางมาก แต่เข้าไปแล้วกลับไม่ได้รู้สึกอัดอัดเลยแฮะ

โซนหน้าพริ้วปาย จะออกแนวสนามหญ้าและสระน้ำเล็กๆ ส่วนข้ามฟากถนนไป ก็เป็นทุ่งนาซึ่งกำลังเขียวขจี
ในหน้าฝน

โต๊ะ เก้าอี้ อุปกรณ์ต่างๆ จะเน้นวัสดุที่มาจากธรรมชาติ ถูกจับวางให้มองดูแล้วเข้ากับเมืองธรรมชาติอย่าง ปาย
ซะจริงๆ

ช่วงนี้ก็ต้องรอไปก่อนครับ ถึงแม้จะเป็นปายหน้าฝน แต่คุณภาพของพริ้วปาย ก็ทำให้ห้องพักนั้นไม่ค่อยว่างนะครับ

ระหว่างรอเข้าพัก เราแวะชมของ lobby กันไปพลางๆ เนาะ

มุมนั่งเล่นมุมนี้ น่านั่งเลยทีเดียว นั่งดูเม็ดฝนพรำๆ นี่แหละ ปายหน้าฝน ที่ต้องการล่ะ

หรือใครจะเกากีตาร์ เคล้าสายฝนก็ได้นะ ที่ผมเกาไม่เป็น ถนัดเคาะ แบบสามช่ามากกว่า 55+

ที่ขาดไม่ได้คือ เครื่องดื่ม ที่พริ้วปาย เค้ามีบริการพร้อมอยู่แล้ว

อย่าว่าแต่นั่งเล่นเลย นอนเล่นก็ยังได้ แต่ผมไม่กล้านอนบนเปลเค้าล่ะ เดี๋ยวของเค้าจะขาด อิอิ

ผมและชาวคณะ นั่งรอกันเกือบหลับเลยล่ะ ไม่ใช่เพราะรอนานนะ แต่มันเย็นสบายดีจัง
ผมล่ะชอบนะ รีสอร์ทหรือที่พักที่ทำด้วยปูนเปลือยเนี่ย มันเย็นดีจริงๆ

เอาล่ะง่วงกันแบบนี้ ไปหาที่นอนให้เป็นที่เป็นทางกันดีกว่า เราไปดูห้องพักกันเลยครับ

โซนด้านหลังจะเป็นที่พัก หรือจะเรียกกว่า ที่พักกลางสวนกันเลยก็ได้

บ้านพักนั้นจะมีแค่ 5 หลังเองครับ แต่ละหลังจะมีพื้นที่รอบๆ ทำให้รู้สึกโล่งสบาย ไม่อึดอัด

เดี๋ยวจะหาว่าผมโม้ ว่าเป็นที่พักกลางสวน อ่ะ ผมมีหลักฐานมาให้ดู

ช่วงที่ผมไปพัก ลำไยสุกพอดี สามารถเด็ดกินได้เลยนะครับ ขอบอกว่า หวาน มัน กรอบอรอ่ยม๊วกกกก

ส้มโอก็มีนะ แต่ยังไม่สุกนี่สิ ไม่งั้นเสร็จผมแน่ ชอบอยู่แล้วผลไม้เนี่ย

บ้านพักสองหลังที่เห็นนี่แหละ คือ สวรรค์ของผมคืนนี้ เรียกว่าจกกินลำไยกันหน้าบ้านเลยทีเดียว

เชื่อไหมครับ ว่านี่คือที่นอนที่ดีทีสุดของผมสำหรับการมาเที่ยวปาย 4 ครั้ง

ราคาที่พักหลักร้อยในปาย มีทีวี หมอนผ้าห่มอย่างดี ห้องน้ำ(จะกว้างไปไหน) แถมมีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย
ราคานี้ท่านหาไม่ได้ในหน้าหนาวนะครับ ผมบอกไว้ก่อน

โดยส่วนตัวผมนั้นเป็นคนติดดินอยู่แล้ว ไม่ได้กังวลเรื่องที่พักครับ
แต่ทริปนี้ผมมีลุงที่เคารพมาด้วย กลัวว่าท่านจะนอนไม่สบาย เจอแบบนี้เลยโล่งอกเลย

ส่วนอีกห้องนึงก็เหมือนกันครับ ต้องบอกว่าห้องพักเค้าสะอาดมากก

เตียงนอนใหญ่ นอนได้สองคนแบบสบายๆ แต่แหมนะ ถ้าเป็นปายหน้าหนาว เตียงใหญ่ไปก็แค่นั้นแหละ ยังไงก็กอดกันกลมอยู่แล้ว อิอิ

มีมุ้งให้ก็จริงนะ แต่ผมไม่เห็นจะมียุงแฮะ เอ๊ะ หรือว่าผมหลับไม่รู้เรืองกันแน่หว่าา…

ห้องน้ำนั้นกว้างเวอร์ ครึ่งนึงมีหลังคา อีกครึ่งนึงเปิดโล่ง ระวังกระรอกแอบดูตอนอาบน้ำนะ
ผมโดนมาล่ะ น่าจะเป็นกระรอกตัวเมีย อิอิ

อุปกรณ์ครบครัน ไม่แพ้ห้องพักราคาแพงๆเลยล่ะครับ คุ้มค่าจริงๆ ที่ได้มาพักที่นี่

หลังจากอาบน้ำอาบท่า และจกลำไยเค้าเกือบหมดต้นแล้ว เดี๋ยวเราออกไปดูบรรยากาศนอกพริ้วปาย
กันหน่อยดีกว่า

นี่เลยพาหนะของเรา เลือกเอาตามใจชอบ ที่พริ้วปายเค้าให้บริการฟรีครับ

ปลายทางเราก็วัดทรายขาวครับ ระหว่างทาง เราจะเจอบรรยากาศแบบนี้ตลอดทาง

ผมแพลนจะมาเที่ยวป้ายหน้าฝน เดือนสิงหาครับ ซึ่งข้าวจะเขียวและโตกว่านี้
แต่เนื่องจากติดธุระ เลยต้องมาเดือนกรกฏาแทน แต่แค่นี้ก็โอเคแล้วล่ะ

ถึงแม้จะเป็นปายหน้าฝน แต่บริเวณนี้ช่วงเช้าก็มีหมอกให้เห็นอยู่บ้างนะครับ แต่วันนี้ผมมาสายไปหน่อย

ถึงแล้วครับ วัดทรายขาว มุมนี้ถ้าข้าวเต็มนา ผมว่าสวยเลยนะ เสียดายไม่ได้เข้าไปในวัด
ต้องปั่นหนีฝน กลับเข้าที่พักกันซะก่อน

เดินทางกันมาเหนื่อยๆ แถมฝนตกเย็นๆ ไม่รอดครับงานนี้ ต้องนอนอย่างเดียวเท่านั้น zzzz

เราตื่นกันอีกที ก็เย็นแลยล่ะ แน่นอนเวลานี้มันเป็นเวลาของ ถนนคนเดินปาย

ใกล้ค่ำแบบนี้ สี่แยกปายหนาวที่ถนนคนเดิน เงียบพอๆ กับถนนในหมู่บ้านทั่วไป

ร้านค้านั้นเรียกว่าบางตาไปเลย ซึ่งต่างจากถนนคนเดินในช่วงเวลาของปายหน้าหนาว

ร้านดังๆ ใหญ่ๆ หลายร้าน ยังปิดอยู่ครับ อาจเป็นเพราะปายหน้าฝนนั้น นักท่องเที่ยวไม่เยอะเท่าปายหน้าหนาว

แต่ปายก็คือปายครับ ไม่ว่าหน้าไหน อากาศก็เย็นดีจริงๆ

ร้านโปสการ์ดร้านนี้ จัดร้านได้เก๋เลยทีเดียว พลาดไม่ได้เลยนะครับสำหรับโปสการ์ด ถ้าไปเที่ยวปาย

ร้านค้าเปิดใหม่ก็เยอะเช่นกันครับ กำลังตกแต่งร้านกันอยู่ เพื่อพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวช่วงหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง

อันที่จริงช่วงนี้อาจไม่คอ่ยมีชาวไทยเที่ยวเท่าไหร่ แต่นักท่องเที่ยวชาวจีน และไต้หวัน นั้นเยอะมากเลยนะครับ

ถึงแม้จะเป็นปายหน้าฝน แต่เมืองปายก็ไม่เคยเงียบเหงา เพราะมีฝรั่งนั้นมาอาศัยในปาย เรียกว่าเป็นปีกันเลยก็มี

สามแยกสุดถนนคนเดินปาย ซึ่งติดแม่น้ำปาย น้อยนะที่จะได้เห็นภาพคนโล่งๆ ที่สามแยกนี้

ขอเดินข้ามสะพานไม้ไผ่ ไปชมวิวบ้างไรบ้างนะครบ รีสอร์ทที่เห็นถ้าผมจำไม่ผิด จะชื่อ ปายริเวอร์

นั่งชมวิว ตบยุงกันได้สัก คิดว่าเราหิวกันแล้วล่ะ เดี๋ยวเราเดินย้อนกลับไปที่ถนนคนเดินปาย ไปหาไรกินกันดีกว่า

ร้านนี้เห็นแว๊บแรก ก็อยากเข้าไปนั่งซะจริงๆ แต่ขอบอกว่า ฝรั่งเต็มร้านเลย งั้นเดินต่อไปดีกว่า

พอหิวแล้วเนี่ย รู้สึกระยะทางมันจะไกลเหลือเกิน อยากควบเจ้านี้ไปหาไรกินซะจริงๆ เลยตอนนี้

คุยกับพี่ท่านนี้ ได้ความว่างานฝีมือยังเป็นสินค้าขายดีในปาย อยู่เหมือนเดิม
เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

ผมมาเที่ยวปายแล้วหลายครั้ง เพิ่งสังเกตว่ามีวัดอยู่ที่ถนนคนเดินปายด้วย อาจเป็นเพราะคราวนี้ถนนมันโล่งมั้ง

เอาน่ะไหนๆ ก็มาปายล่ะ เขียนโปสการ์ดส่งหาตัวเองหน่อยล่ะกัน รอคนอื่นส่งให้ ชาตินี้คงแห้ว 55+

และก็ไม่พลาดไปชม ธนาคารกสิกร สาขาปาย ซะหน่อย มองไม่ออกเลยล่ะว่าเป็นธนาคาร

สุดท้ายท้ายสุดมื้อนี้เราฝากท้องไว้ที่ร้าน “ผัดไทยหน้าวิน” ร้านหาง่ายครับ ไปยืนกลางสี่แยกปายหนาว แล้วมองหาป้ายชื่อร้าน แค่นั้นแหละ
อาหารที่นี่ราคาประหยัด เหมาะสำหรับคนไทยครับ อร่อย ที่สำคัญสั่งปุ๊บได้ปั๊บ เร็วจริง ไรจริง

หลังจากนั้นเรากลับไปที่พักที่พริ้วปาย และก็หาไรดื่มกันตามปกติก็ชายโฉดทั้ง 4

———
ตื่นเช้าวันใหม่ ผมรองท้องด้วยลำไย หน้าห้อง ก่อนจะไปหาอะไรกินกัน ที่หมู่บ้านสันติชล

วันนี้ฟ้าครึ้มกันแต่เช้าเลย ก่อนไปหมู่บ้านสันติชล เราแวะไหว้พระที่วัดน้ำฮู กันก่อนครับ

เราเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกเลยมั้งครับ เรียกได้ว่ามากันก่อนแม่ค้าซะอีก อิอิ

เข้าไปไหว้หลวงพ่ออุ่นเมืองกันก่อน ตามตำนานเค้าบอกพระองค์นี้สร้างโดยสมเด็จพระนเรศวรเลยนะครับ

ด้านหน้า เป็นศาลสมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรส มาวัดเดียวได้ไหว้สิ่งศักดิ์กันหลายอย่างเลย

สนามหญ้าหน้าวัด เขียวสดเพราะสายฝน เดี๋ยวหน้าหนาว ผมรับประกันว่าเละ เหมือนทุกปี

ส่วนด้านหลังเป็นเจดีย์สีทอง เจดีย์นี้เวลาเจอแดด สีเหลืองอร่ามสวยมาก แต่วันนี้ฟ้ามันครึ้มไปหน่อย แหะๆ

เป้าหมายของเราคือที่นี่ครับ ศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนาน หรือ หมู่บ้านสันติชล นั่นเอง

ช่วงนี้รู้สึกหญ้าจะรกไปนิด สงสัยจะรอตัดตอนหน้าท่องเที่ยวทีเดียว

ด้านหลังนั้นรู้สึกจะเพิ่งก่อสร้างใหม่นะครับ เห็นเค้าเรียกว่า กำแพงเมืองจีน

รู้สึกว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์นะ แต่วันนี้ยังไม่เปิดแฮะ

มุมจากด้านบนมันสวยดีครับ ลมเย็นดีซะด้วย

ไฟประดับแบบนี้ ผมว่ากลางคืน น่าจะสวยดีเนาะ สำหรับทีนี่

เดินกลับลงไปเจอเจ้าม้าตัวนี้ กำลังนอนแผ่สบายบนลานหญ้า แสดงว่าช่วงนี้ว่างงานแน่ๆ เลย

ร้านค้าหลายร้าน ก็ปิดนะครับ ช่วงนี้ เรียกว่าพอไม่ใช่หน้าท่องเที่ยวนี่เงียบไปตามๆ กัน

เราละเลงมื้อเช้ากันกับเมนูแรกเลย ขาหมูยูนาน หอม นิ่ม อร่อยมากครับ ถ้ามัวแต่กลัวอ้วนก็..อด เลือกเอาล่ะกัน

หมั่นโถมีทั้งทอด และไม่ทอด ผมแนะนำให้สั่งหมั่นโถทอดนะครับ กรอบนอกนุ่มใน อร่อยมาก
ผมถ่ายมาได้แค่นี้แหละ หิวมากจนลืมถ่ายรูป 55

หลังจากนั้นเราก็เดินทางออกจากปาย มุ่งหน้าไปปางอุ๋งครับ ซึ่งเราจะค้างกันที่ปางอุ๋งเป็นคืนที่สอง
ระหว่างทางต้องแวะนี่เลย อุทยานแห่งชาติ ถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ

นี่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน อีกที่นึง ที่พลาดไม่ได้นะครับ

ปลาที่เห็นคือปลาพวง มีให้เห็นกันทั้งลำน้ำเลย เยอะมากๆ ครับ สีอาจจะไม่ฉูดฉาด แต่ก็สวยดีทีเดียว

วันนี้ฝนยังไม่ตก น้ำเลยไม่ขุ่น ใสเห็นตัวปลากันชัดๆ เลย

หากเราเดินเข้าในด้านใน ปลาพวงจะตัวใหญ่กว่า ด้านนอกมากเลยครับ ระยะทางไม่กี่เมตรเอง เดินได้สบาย

ข้างในนั้นร่มรื่น ทางเดินเข้าไปชมก็สะดวกสะบายดีครับ เห็นบางคณะปูเสื่อนั่งปิคนิคกันเลยก็มี

เอาล่ะ เดี๋ยวเราเดินทางกันต่อเลยครับ กะว่าจะไปถึงปางอุ๋งบ่ายแก่ๆ หน่อย

การเดินทางไปพักที่ปางอุ๋งในช่วงนี้ (เดือนกรกฏาคม) ไม่ต้องใช้บัตรผ่านเหมือนหน้าท่องเที่ยวนะครับ สามารถเอารถขึ้นไปได้เลย

ผมเองก็แปลกใจนิดๆ ว่าช่วงนี้มันหน้าฝนทำไม ปางอุ๋งถึงน้ำแห้งจัง หรือว่ามันเป็นแบบนี้มานานแล้ว

แต่ต้องบอกว่าอากาศดีจริงๆ ครับ แดดเริ่มอ่อน ลมพัดเย็นๆ นั่งเพลินๆ นี่อาจหลับได้เลยนะ

วันนี้ทั้งปางอุ๋งมีแต่ผมและชาวคณะแค่ 4 คนเท่านั้น ขับรถมาไกลมาเจอสถานที่ที่อากาศดีแบบนี้
ก็หายเหนื่อยล่ะครับ

มุมนี้เรียกว่า ใครๆ ก็ต้องแย่งกันถ่ายภาพ แต่สำหรับวันนี้ ช่วยส่งใครมาแย่งผมที…

อ๊ะ นั่นไงนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มนึง เป็นเด็กวัยรุ่นแถวนี้ขับมอไซค์มาเที่ยวกัน วัยรุ่นแถวนี้วันว่างเค้ามาเที่ยวปางอุ๋งกันนะ ไม่ได้เที่ยวห้างเหมือนเด็กกรุงเต๊บ

ถึงแม้น้ำจะน้อย แต่ผมก็อยากนั่งเรือเล่นในปางอุ๋งนะ แต่ช่วงนี้ไม่มีเรือคอยบริการเลย งานนี้อด 55

ศาลาหรือแพลอยน้ำหลังนี้ ถือว่าเป็น Land mark ของปางอุ๋ง แต่วันนี้ไม่มีใครสนใจเลย
(ก็แหงสิ ก็ไม่คนเลยสักคน)

สี่โมงเย็นกว่าๆ อากาศยิ่งดีมาก ปางอุ๋งไม่ได้มีดีแค่หน้าหนาวครับ ว่างๆ ก็ลองเปลี่ยนบรรยากาศแบบผมมั่งสิ

ว่าไปก็อยากจะกระโดดน้ำจากชานไม้นี้เหมือนกัน แต่ก็นะน้ำแห้งขนาดนี้ คงม่ายหวายย

จุดที่เห็นสุดตานั่นคือ โซนบ้านพักของอุทยานครับ ซึ่งผมได้เข้าไปสอบถามแล้ว ปรากฏว่าบ้านพักเต็มหมดนะ

ซึ่งก่อนเดินทางผมได้สอบถาม และหาข้อมูลที่พักปางอุ๋งมาแล้ว
ซึ่งทราบว่าช่วงนี้ไม่ต้องจองก็ได้ สำหรับรวมไทยเกสท์เฮ้าส์ (บ้านพักติดอ่างเก็บน้ำปางอุ๋ง)

แต่ความจริงมันไม่เป็นอย่างนั้นครับ พอเข้าไปติดต่อทหารซึ่งดูแลอยู่ น้องเค้าบอกว่าเต็มหมด

เอาแล้วไงครับ อย่าคิดประมาทเหมือนผมนะครับ ไม่ว่าช่วงไหนถ้าเป็นวันหยุดยาว ที่พักเต็มหมด
น้องทหารเค้าฝากบอกมา

พวกผมมากันเร็ว เลยยังไม่เห็นว่ามีใครมาพัก แต่น้องเค้าบอกว่าสัก 5 โมงเย็นจะค่อยๆ ทยอยกันมา

อันที่จริง ก็ยังมีที่พักอีกเยอะที่หมู่บ้านกะเหรี่ยงครับ แต่ก็นะมาวันเวลาแบบนี้ ก็อยากพักให้มันติดริมน้ำนิดนึง

ปางอุ๋งนะ ปางอุ๋ง สงสัยไม่มีวาสนาได้นอนค้างที่นี่ซะล่ะ

ยังมีเวลาอีกเยอะ งั้นเราไป บ้านรักไทย แทนล่ะกัน ที่นั่นมีที่พักเยอะเหมือนกัน แถมมีร้านอาหารด้วย สะดวกดี

ก่อนออกจากปางอุ๋ง ขอถ่ายภาพกับน้องเค้าหน่อย เราถามว่าน้องจับปลาได้ยังไง
เค้าบอก เค้าตกเบ็ด แต่ที่เห็นน่ะ มันแหชัดๆ ตกลงผมไม่เข้าใจ หรือน้องเค้าไม่เข้าใจกันน่55 แต่ปลาตัวใหญ่จริงๆ

ออกจากปางอุ๋งมาแค่ 5 กิโลเมตร เราก็ถึง บ้านรักไทย แล้วล่ะ

นั่นไง ร้าน ลีไวน์รักไทย เปิดด้วย มื้อเย็นวันนี้ไม่อดล่ะ หากพักทีปางอุ๋ง เผลอๆ อาจจะอด เพราะมีแค่กลับแกล้ม ไม่มีกับข้าวเลย อิอิ

บ้านรักไทย อากาศดีไม่แพ้ปางอุ๋งครับ แต่จะแตกต่างกันตรงที่ ที่นี่เป็นหมู่บ้าน ไม่เหมือนปางอุ๋งที่เป็นป่าสน

แต่ต้องยอมรับว่า บ้านรักไทย เปลี่ยนไปเยอะครับ รีสอร์ท หรือโฮมเสตย์นั้น มีเยอะขึ้นจากเดิม จากที่เคยเป็นแค่บ้านของชาวบ้านธรรมดา

สรุปคืนนี้เราพักที่ ลีไวน์รักไทย เราได้ห้อง ที่อยู่บนเขา สูงสุด เพราะงั้นคิดว่า หาข้าวกินกันให้เสร็จสรรพ เลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องเดินขึ้นลงหลายรอบ มันเหนื่อยนะเออ ขอบอก

ก่อนชิมอาหารเค้าจะมีชาอู่หลงมาให้จิบกันก่อน กาแรกฟรี กาต่อไปเสียงตังค์นะเออ

นี่เลยเมนูแรก “ก้านเห็ดปรุงรส” ดูคล้ายๆ เนื้อแดดเดียวเนาะ แต่มันเป็นเห็ดครับ นุ่ม อร่อยมาก เมนูนี้ไม่ผิดหวัง

ต่อไปเป็น “เนื้อแดดเดียวยูนาน” อันนี้รสชาดไม่เหมือนเนื้อแดดเดียวบ้านเรา ออกแนวจืดๆ ตามประสาคนจีน
แต่อร่อยครับ เนื้อเค้านุ่มดี ไม่เหนียว เคี้ยวง่าย

เมนูต่อไป “ยำใบชา” กินคำแรก นึกว่าเค้าเพิ่งเอาออกมาจากตู้เย็น ขนาดเป็นยำนะ
แต่รสชาดมันเย็นปาก เย็นคอมากเลย สงสัยเพราะใบชาแน่ๆ เลย

เมนูสุดท้าย สั่งแทบทุกมื้อ ถ้าเค้ามี “ผัดซาโยเต้” ซึ่งจากที่ผมดูคือยอดฟักแม้วนั่นแหละ รสชาดที่ร้านลีไวน์รักไทย ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับที่หมู่บ้านสันติชลที่ปาย แต่ก็อร่อยกันคนละแบบ

อิ่มกันแล้ว เราไปดูห้องพักกันเลยดีกว่า ตอนนี้ใกล้มืดแล้วล่ะ

บ้านที่ผมพักชื่อบ้าน “ทิพย์กวนอิม” เป็นบ้านใหญ่ที่อยุ่บนสุด พักได้ 8 ท่าน เหลือหลังสุดท้ายพอดี

บ้านพัก จะแบบเป็น 2 ห้อง ห้องละ 2 เตียง เตียงนึงนอนได้ 2 คน พวกผมมากันสี่คน ก็เหมา คนละเตียงเลย

ห้องน้ำสะอาด มีเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง ดีนะน้ำมันอุ่นเร็วดี แต่ผมถนัดอาบน้ำเย็นมากกว่า สะใจดี อิอิ

กลางบ้านจะเป็นห้องนั่งเล่น ไอยะ!! เหมาะมากสำหรับตั้งวง

ส่วนห้องอีกฝั่ง ก็จะเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้ แค่แยกซ้ายขวาแค่นั้นเอง

มาพักกันหลายๆ คนนี่เหมาะมาก บ้านกว้างมากเลยทีเดียวครับ เดินเหนื่อยหน่อย แต่ก็คุ้มกับวิว

เรานั่งดื่มชากันระเบียงหน้าบ้านพัก พอมืด ก็ต้องเผ่นครับ เพราะหมอกฝนเริ่มหนามาก ปรอยลงมาเหมือนฝนแต่ไม่ใช่ฝนนะ จะเอาภาพมาให้ดูตอนเช้าล่ะกัน ตอนนี้รู้สึก ชาผสมโซดา มันทำให้ผมหมดความสามารถในการถ่ายภาพไปซะแระ

——————————
ตื่นเช้าเปิดประตูออกมา คิดว่าฝนกำลังตก ปล่าวครับ หมอกฝนตอนเช้าสวยมากเลย

รอบๆ ตัวของเราจะเต็มไปด้วยละอองน้ำ ทำให้บริเวณรีสอร์ทนั้นชุ่มชื้นไปหมด

อากาศแบบนี้นักท่องเที่ยวไหนๆ ก็ไม่อยากตื่น แต่ผมดันตื่นเช้า ตอนเดินออกมาต้องใส่หมวกนะครับ ไม่งั้นอาจจะไม่สบายได้เลย

อากาศตอนเช้านี่มันสุดยอดมาก ถ้าหน้าหนาวผมว่า คงจะแหล่มกว่านี้เยอะเลย

ไม่มีโอกาสมาดูหมอกหน้าหนาว ก็ดูหมอกฝนไปก่อนล่ะกัน ยังไงก็หมอกเหมือนกันแหละเนาะ

ยอดชาที่เพิ่งเก็บไป รู้สึกจะโผล่กันมาอีกล่ะ เมื่อเจอกับชุ่มฉ่ำของสายฝน

ผมรู้สึกว่าหมอกฝนยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็นะไหนๆ ก็เปียกล่ะ เดินชมให้ทั่วเลยล่ะกัน

ผมเดินลงมาเรื่อยๆ จนถึงล่างสุด มองย้อนกลับไป ตอนนี้เห็นแต่หมอก มองไม่เห็นบ้านพักของผมเสียแล้วล่ะ

แต่ก็นะ ได้เวลากลับกันล่ะ ผมเดินกลับขึ้นไปอีกรอบเพื่อปลุกชาวคณะ ให้รีบลงมากินมื้อเช้า ก่อนออกเดินทางกัน

มื้อเช้าของ ลีไวน์รักไทย จะรวมอยู่ในราคาห้องพักแล้วนะครับ อย่างแรกจะเป็นข้าวต้มเห็ด หอมๆ อันนี้ผมยกนิ้วให้ครับ โคตรอร่อย!!!

อย่างที่สองเป็นขนม สอดไส้ อย่างที่เห็น หอมอร่อยดีครับ พร้อมชาอู่หลง และกาแฟ

วิวหมอกฝน ตอนเช้า ที่ร้านอาหารลีไวน์รักไทย

หลังจากนั้นเราตีเข้าตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อไปไหว้พระธาตุดอยกองมู และกลับกรุงเทพครับ

การเดินทางไปปาย

การเดินทางไปปายโดยรถยนต์ หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ 1864 โค้ง กันบ่อยๆ เส้นทางนั้นถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้ไปลองสักครั้งเนาะ ผมลองมาแล้ว 3 ครั้ง คงพอแล้วล่ะ อีกเส้นทางนึงคือ เชียงใหม่-ปาย เส้นทางนี้ก็โค้งใช่ย่อยนะ แต่ยังน้อยกว่า และผมเชื่อว่าเส้นเชียงใหม่-ปาย คงเป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยวน่าจะใช้เยอะกว่า
การเดินทางโดยเครืองบินนั้น ต้องลงที่สนามบินเชียงใหม่ก่อนครับ แล้วค่อยต่อรถไปปายอีกทีนึง อาจจะเดินทางด้วย รถเมล์สีส้ม หรือ รถตู้ หรือรถยนต์ส่วนตัว เที่ยวบินจากเชียงใหม่ไปปายนั้น ไม่มีแล้วนะครับ ผมโทรสอบถามกับนกแอร์ได้ความว่า เค้ายกเลิกไปแล้วล่ะ..
การเดินทางโดยรถตู้ไปปายค่าบริการ แค่ 150 บาทเองครับ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ขึ้นรถที่สถานีขนส่งอาเขตเก่า ตารางเวลาตามภาพด้านล่างครับ

ส่วนอันนี้เป็นตรางเวลารถตู้จากปายไปยังสถานีขนส่งอาเขต เชียงใหม่ คิวรถตู้ปายจะอยู่ที่ถนนคนเดินเลยครับ

สำหรับท่านที่ต้องการเดินทางจากปายไปขึ้นเครืองที่เชียงใหม่ ผมแนะนำให้ใช้บริการรถตู้ที่ไปส่งท่านถึงถนนท่าแพเลยครับ เพราะหากท่านบินไฟท์ดึก ก็ยังสามารถเดินเล่นที่ถนนคนเดินเชียงใหม่ก่อนได้(ถนนคนเดินมีวันเสาร์) แล้วค่อยนั่งตุ๊กๆ ไปยังสนามบิน เพราะมันอยู่ไม่ไกลกัน ค่าตุ๊กไม่เกิน 100 บาท ภาพข้างล่างเป็นนามบัตรรถตู้ที่บริการรับส่งจาก ปายไปยังสนามบินเชียงใหม่(รถจะจอดที่ประตูท่าแพ) แต่เค้าไม่มีบริการรับส่งจาก สนามบินไปปายนะครับ

และเค้ายังมีบริการทัวร์ปาย-ปางอุ๋งด้วยนะครับ สนใจก็ติดต่อได้ หรือจะเดินดูทัวร์แถวๆ ถนนคนเดินก้ได้นะครับ ราคาไม่ต่างกัน ตกคนละประมาณ 700 บาท

ผมแนะนำว่าหากไม่มีรถยนต์ส่วนตัว การเดินทางจากกรุงเทพไปปาย ใช้วิธีนั่งเครื่องลงเชียงใหม่ แล้วต่อรถตู้เข้าปาย จะโอเคที่สุดแล้วครับ

ที่พักปาย

ที่พักในปายนั้นต้องบอกว่าปัจจุบันมีให้เลือกเยอะมาก ผมไปเที่ยวปายมาแล้ว 4 ครั้งเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนว่ามี บ้านพัก โรงแรม รีสอร์ท เกสท์เฮาท์ รวมไปถึงโฮมสเตย์ เรียกว่าผุดกันขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด บางคนชอบที่พักบนเนินเขา บางคนชอบที่พักปายติดแม่น้ำ บางคนชอบโรงแรมหรูๆ ก็แล้วแต่กันไป แต่ที่พักปายราคาถูก ก็มีให้เลือกเยอะนะครับ ผมแนะนำให้เน้นไปทางโซนชุมชนบ้านแม่ฮี้ ซึ่งโซนนี้จะเป็นโซนชุมชนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวพักในรูปแบบ โฮมสเตย์ และเกสท์เฮ้าส์ ราคาหลักร้อย และหลักพักนิดๆ ซึ่งหากเราไปเที่ยวปายหน้าฝน เราจะเห็นทุ่งสีเขียวขจี พร้อมทั้งหมอกฝนตอนเช้า เพราะที่พักโซนนี้จะอยู่ติดกับทุ่งนาของชาวบ้านเลยครับ

ส่วนตัวผมไปพักปายคราวนี้ ผมเลือกพักที่ พริ้วปาย Gusthouse ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นที่พักปายราคาถูกอีกที่นึง “ถูก” ที่ว่า ใช่ว่าจะเป็นเรื่อง “ราคาถูก” อย่างเดียวครับ แต่รวมไปถึง “ถูกที่” ที่ได้พักจริงๆ พริ้วปายเป็นที่พักเล็กๆ ที่เน้นคุณภาพการบริการมากกว่าราคา ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าแบบปากต่อปาก ซึ่งแน่นอนผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ราคานั้นอยู่ระหว่าง 400-1000 กว่า(ราคาปัจจุบัน กรุณาสอบถามโดยตรง) ตอนเช้าๆ ผมแนะนำให้ปั่นจักรยาน(ฟรี) จากพริ้วปาย ไปวัดทรายขาวดูนะ รับรองฟินแน่นอน ยิ่งถ้าหน้าหนาวนี่ยิ่งแจ่มเลย

ที่กางเต๊นท์ปาย
แน่นอนครับ ช่วงหน้าเทศกาลท่องเที่ยว ที่พักในปายนั้นจะเยอะแค่ไหน แต่ผมรับรองว่าเต็มแน่ๆ ดังนั้นเต๊นท์จึงเป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับการพักในปาย จากการที่ผมไปปายมาหลายครั้ง ที่ที่ผมอยากแนะนำให้ไปกางเต๊นท์คือ โป่งร้อนท่าปาย ครับ เป็นของอุทยาน มีห้องน้ำสะอาด และที่จอดรถพร้อมครับ

ที่พักปางอุ๋ง

ที่พักในปางอุ๋ง มี 4 ประเภทคือ

กางเต๊นท์ครับ
เป็นการพักที่ง่ายสุด และนิยมสุดในปางอุ๋ง เพราะจะได้ใกล้ชิดกับไอหมอกจากแอ่งน้ำ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะครับว่า ช่วงหน้าท่องเที่ยว ไปช้านี่อดเลือกที่สวยๆ นะ

โฮมเสตย์ชาวบ้านกะเหรี่ยง
ซึ่งจะอยู่ก่อนถึงจุดกางเต๊นท์ มีให้เลือกกันหลายหลัง ราคาหลักร้อยครับ ผมเองเคยพักครั้งนึง ถือว่าโอเคมากครับ แต่บ้านจะอยู่ติดๆ กัน ช่วงหน้าท่องเที่ยว ต้องทำใจเรื่องเสียงรบกวนกันหน่อยนะ

รวมไทยเกสท์เฮ้าส์
เป็นบ้านพักที่อยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำปางอุ๋งเลยครับ ดูแลโดยทหาร อันนี้ผมว่าแหล่มสุด เพราะตัวบ้านพักยกสูงขึ้นไปหน่อย ทำให้เราได้เห็นวิวสวยๆ กว่าใคร แถมมีที่นอนอุ่นๆ สบายๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องฝนหรือน้ำค้างหน้าหนาว ผมไปทริปนี้กะพักที่นี่ครับ แต่ประมาทไปนิด คิดว่าไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยวคงไม่มีใครพัก ผมคิดผิดครับ ที่พักดันเต็ม แถมเต๊นท์ก็ไม่ได้เอาไป ใครจะไปพักก็จองกันเนิ่นๆ นะ

ที่พักอุทยาน
ที่พักนี้ดูแลโดยป่าไม้ ที่พักนั้นได้มาตรฐานกว่าที่พักอื่นๆ ครับ โดยจะอยู่สุดถนนปางอุ๋งเลย ที่พักทีนี่ก็ต้องจองกันเนิ่นๆ นะครับ วันที่ผมไป ที่พักก็เต็มหมดเช่นกัน

การจองที่พักปางอุ๋ง

การไปพักในปางอุ๋งช่วงหน้าท่องเที่ยว เราต้องมีบัตรผ่านก่อนนะครับ ถึงจะเข้าปางอุ๋งได้ โดยต้องไปขอรับบัตรที่ อาคารศูนย์ศิลปาชีพ จ.แม่ฮ่องสอน เพราะปางอุ๋งจะจำกัดคนเข้าพัก แค่วันละ 300 คน (รวมกางเต๊นท์) หากต้องการแค่เข้าไปเที่ยวปางอุ๋ง จะต้องจอดรถไว้ที่ด้านล่าง แล้วจะมีบริการรถรับส่ง แต่หากไม่ใช่หน้าท่องเทียว ก็ไม่ต้องใช้บัตรครับ โทร 053 – 611244

ที่พักหมู่บ้านรักไทย

เมื่อก่อนบ้านรักไทย ไม่ค่อยมีที่พักมากนัก แต่ปัจจุบันต้องบอกว่าเพียบบบ โฮมเสตย์ราคาถูกๆ ติดริมน้ำ ก็มีเยอะครับ ทริปนี้ผมพักที่ ลีไวน์รักไทย เป็นรีสอร์ทที่มีชื่อในบ้านรักไทย บรรยากาศนั้นจะอยู่บนเขา วิวดี แถมที่พักอยุ่กลางไร่ชาเลยครับ ที่นี่เค้าเปิดทั้งปี มีร้านอาหาร และของฝากเพรียบพร้อม ผมไปทริปนี้หากที่นี่ไม่เปิด บอกตรงๆ ไม่รู้จะหาข้าวกินกันที่ไหน อิอิ รีสอร์ทอื่นๆ ที่พอจะรู้จักกันก็จะเป็น ต้าเหล่าซือ แต่วันที่ผมไปเค้าดันปิด

หน้าหนาวนั้นผมมองว่า ที่พักในบ้านรักไทยนั้น น่าสนใจกว่าปางอุ๋งอีกนะ
เพราะสะดวกกว่า มีร้านอาหาร ร้านของฝาก ซึ่งปางอุ๋งห่างจากบ้านรักไทยแค่ 5 กิโลเมตร ตื่นมาตอนเช้าแล้วขับรถไปเที่ยวปางอุ๋งเอาก็ได้

ร้านอาหารในปาย

ร้านอาหารในปาย ส่วนใหญ่หลายคนจะจับจ้องกันที่ร้านอาหารตรงสี่แยกปายหนาว ต้องขอบอกนะครับว่าเผลอๆ ท่านอาจจะไม่ได้กิน จะพาหงุดหงิดกันเลยนะ เป็นไปได้ให้หาร้านเล็กๆ ดีกว่าครับ ร้านที่ผมอยากแนะนำคือ ผัดไทยหน้าวิน เป็นร้านอาหารตามสั่ง ราคาคนไทย บริการเร็ว อาหารอร่อย อยู่แถวๆ สี่แยกปายหนาวนั่นแหละครับ แต่ต้องเดินไปหน่อย

สถานที่ท่องเที่ยวปาย

ผมไปปาย 3 วัน 2 คืนคราวนี้กะขับมอไซค์เที่ยวให้ทั่วปาย แต่หลังจากเปลี่ยนแผนที่จะไปคนเดียว เป็นมีพี่ๆ ที่ทำงานไปด้วย คงจะทำตามอารมณ์ตัวเองไม่ได้ซะล่ะ เลยมีเวลาอยู่ปายแค่ 2 วัน 1 คืนเท่านั้น แต่ถ้าจะพูดกันจริงๆ ที่เที่ยวในปายนั้นมีเยอะนะครับ ซึ่งคุณไอซ์ พริ้วปาย เค้าแนะนำหลายที่ แต่ผมไม่มีเวลาซะเอง หากใครไปปายแล้วผมแนะนำให้ตระเวนให้ทั่วนะครับ ก็แหมนะ เดินทางไปซะไกล เอาให้ทั่วหน่อยก็ดีนะ หลักๆ (เฉพาะในปาย) ก็คงเป็น สะพานประวัติศาสตร์ปาย ถนนคนเดิน วันน้ำฮู หมู่บ้านสันติชล กอแล(ปายแคนยอน) น้ำพุร้อนท่าปาย จุดชมวิวหยุนไหล วัดพระธาตุแม่เย็น วัดกลาง ล่องแพไม้ไผ่
ส่วนรอบนอก ก็มี ถ้ำปลา ภูโคลน ปางอุ๋ง ปางตอง บ้านรักไทย ถ้ำแก้วโกมล ถ้ำลอด นึกไม่ออกล่ะ แหะๆ

ปาย โด่งดังได้ หาใช่เพราะเป็นเมืองกลางหมอกที่บรรยากาศดีเท่านั้นนะครับ แต่เสน่ห์ของปายดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศนั้น ยังรวมไปถึงผู้คนที่น่ารัก ประเพณี และวิถีชีวิต ของคนในปายด้วย ความรู้สึกของหลายคนนั้น อาจมองว่าปายนั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะนักท่องเที่ยวและรีสอร์ทเยอะขึ้น ทำให้ปายเป็นกำลังมีทิศทางไปในทางธุรกิจเมืองท่องเที่ยว อันนี้ต้องยอมรับครับ
“เมืองปาย” อาจเปลี่ยนไป แต่ผมมองว่า “คนปาย” ยังไม่เปลี่ยน

หากมีเวลาเราลองขับรถออกไปรอบๆ ดูสิครับ วิถีคนในปายนั้นยังเหมือนเดิม จากที่ผมสัมผัส เค้ายังคงทำนา ยังคงกิน ยังคงอยู่เหมือนเดิม รีสอร์ทที่ขึ้นกันเป็นดอกเห็ดบนเนินเขา คุณคิดว่าเป็นของคนในพื้นที่หรือเปล่าครับ ปล่าวเลย ..บังกะโล โฮมเสตย์ เกสท์เฮ้าท์เล็กๆ ต่างหากที่เป็นของคนปาย
..ปายไม่เคยเปลี่ยนไป แต่ใครกันล่ะ ที่เปลี่ยนปาย

ติดต่อสอบถามข้อมูลที่พัก พริ้วปาย เกสท์เฮ้าส์
โทรศัพท์ : 089-4344810, 089-8380454
อีเมล์ : info@prilpaiguesthouse.com
Facebook:พริ้วปาย เกสท์เฮ้าส์
เวปไซต์ : www.prilpaiguesthouse.com

คลิปรีวิวปายหน้าฝน ปี 2016

ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณมากมาย ขอบคุณอย่างแรง นายหัว

อุปกรณ์:
กล้องดิจิตอล : Olympus OMD EM5
เลนส์ : Panasonic 14mm/F2.5 ,zuiko 12-50/f3.5-6.3

Exit mobile version