รีวิว ซานโตรินี่ โรงแรม Dream D Residence ที่พัก เพชรบุรี
อันที่จริงในตัวเมืองเพชรบุรีเอง ก็มีที่พักนึงที่น่าสนใจ คือ โรงแรม Dream D Residence (ดรีมดี เรสซิเดนซ์) ซึ่งโรงแรมนี้ตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ เช่น ซานโตรินี่ ,Swiss Sheep Farm (ฟาร์มแกะ ชะอำ) เขาวัง เขาหลวง และท่านสามารถขับรถเที่ยวเป็นวงกลมได้โดยใช้ โรงแรม Dream D เป็นจุดศูนย์กลาง (ในกรณีที่ต้องพักค้างคืน) โดยใช้เส้นทางท่องเที่ยวดังนี้ กรุงเทพ > เขาวัง > เขาหลวง>โรงแรม Dream D > บางตะบูน > นาเกลือ บ้านแหลม > หาดเจ้าสำราญ > หาดปึกเตียน > ชะอำ > ซานโตรินี่ > Swiss Sheep Farm (ฟาร์มแกะ ชะอำ) > กรุงเทพ
เป็นเส้นทางที่ผมใช้บ่อยครับ เวลาไม่รู้จะไปไหนผมจะไปที่นี่บ่อยโดยเฉพาะบ้านแหลม และ บางตะบูน
ทริปนี้ความตั้งใจของผมคือจะไปถ่ายภาพที่santoriniตอนเย็น และตอนค่ำ แต่ปัญหารถติดในกรุงเทพ มันเกินกว่าที่ผมคาด ผมไปถึงซานโตรินี่สองทุ่มกว่า ซึ่งใกล้เวลาเค้าจะปิดซะแล้ว
ช่วงค่ำๆ แบบนี้ที่Santorini อากาศดีเหมือนกันครับ คนก็น้อย ส่วนใหญ่จะเป็นคนบริเวณใกล้เคียงที่ยังเที่ยวกันอยู่
ลานข้างหน้ายังมีคนอยู่พอสมควร ใครอยากถ่ายรูป ช่วงเวลานี้ก็เหมาะดีครับ แสงสวย คนก็น้อย
กลางวันร้อนอบอ้าว แต่พอกลางคืน มันเย็นสบายดีแฮะ คนก็บางตาดี ผมชอบจัง
ช่วงวันศุกร์ วันเสาร์ ซานโตรินี่จะเปิด ประมาณ 21.00น. แต่วันธรรมดาจะปิด 20.00 น. ผมมาถึงก็เกือบจะสองทุ่ม
ร้านค้าด้านใน ส่วนใหญ่ทยอยปิดกันแล้ว
หากอยากถ่ายกับร้านค้าต่างๆ แนะนำให้ไปประมาณห้าโมงเย็น กำลังดี ไปช้าแบบผม ร้านค้าเค้าปิดไฟกันหมดแล้ว
ท่านอาจจะไม่ได้บรรยากาศแสงสวยๆ ของซานโตรินี่
ถึงแม้จะไม่มีคนแต่ช่วงเวลานี้ ก็ยังมีเสียงดังโหวกเหวกอยู่ มันเสียงอะไรกัน เดินตามเสียงไปดูกันดีกว่า
อ๋อที่แท้คนมารวมกันอยู่ที่นี่ นี่เอง
ม้าหมุน นี่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของซานโตรินีียามค่ำคืน สำหรับเด็กๆเลยล่ะ เจ้าตัวเล็กหลายๆ คนเสียงดังกันใหญ่
ผมมาช้าไปหน่อยครับ อยู่ได้แป๊บเดียว ซานโตรินี่ ก็ปิดซะแล้ว เอาเป็นว่าค่อยมาใหม่ อิอิ
มาถึงเพชรบุรีแล้ว จะให้ย้อนกลับกรุงเทพก็กระไรอยู่ หาที่พักสักคืนแล้ว เที่ยวต่อพรุ่งนี้ดีกว่า
คืนนี้ผมพักที่นี่ครับ Dream D Residence
Dream D Residence อยู่หลัง Big C เพชรบุรี หากขับรถมาจากกรุงเทพ จะอยู่ซ้ายมือ
ก่อนถึง Swiss Sheep Farm กับ ซานโตรินี่ นิดเดียวเองครับ
แผนที่ โรงแรม dream d residence ที่พัก เพชรบุรี
เข้าไปเช็คอินน์กันก่อนครับ นี่เป็นบรรยากาศ บริเวณ Lobby ของโรงแรม
ถึงแม้จะไม่ได้กว้างมาก แต่ทางโรงแรมเค้าจัดสรรพื้นที่ได้น่าชวนให้นั่งมาก แต่มันดึกแล้ว ขอขึ้นห้องก่อนล่ะกัน
แต่วิวหน้าห้องพักผม มันต้องชวนให้หยุดสักครู่ มุมนี้เห็นวิวเมืองเพชรบุรีได้เต็ม ๆ เลยครับ
ชั้นบนๆ จะมีระเบียงให้แขกชมวิวแบบนี้ ได้ทุกชั้นเลยครับ
เห็นห้องพักแล้ว มันง่วงนอนขึ้นมาทันใด ขับรถหลังเลิกงานแล้วเป็นแบบนี้ทุกทีเลยเรา…
เอาเป็นว่าคืนนี้ผมขอตัวนอนก่อนนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาชมโรงแรม ว่ามีอะไรน่าสนใจมั่ง
————————————————————————
เช้าวันใหม่ ผมตื่นแต่เช้า เพราะหิวมาก เพราะเมื่อคืนผมไม่ได้กินข้าว (เป็นไปได้ไงเนี่ยยยย)
ห้องอาหารของ Dream D จะอยู่ชั้นล่างครับ ลงลิฟท์มาเลี้ยวขวาได้เลย
ทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่เอ๊ะ..ไม่มีคนเลย ไม่ใช่ว่าโรงแรม ไม่มีแขกนะ แต่ผมลงมาก่อนเค้าอะดิ อิอิ (ก็มันหิวนิ)
ก็ดูสิครับข้าวผัด ยังไม่มีรอยตักเลย สีสันมันน่ากินมาก
ส่วนน้ำและเครืองดื่ม พร้อมด้วยขนมปัง อยู่อีกมุมนึง
หากเราสังเกตดีๆนะครับ ที่ฝาผนัง จะมีชื่อขนมเมืองเพชร ติดอยู่
โดย Concept ของโรงแรมนี้จะสื่อถึงความเป็น เพชรบุรี ซึ่งห้องอาหารก็เช่นกัน
สำหรับที่นั่งทานอาหารนั้น เรียกว่าวิ่งไล่จับกันก็ยังได้ เลือกนั่งเอาตามใจชอบ
สำหรับท่านที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ก็มีโซนให้เลือกนั่งได้นะ
ผมชอบตะกร้าใส่ผลไม้แฮะ เค้ามีเป็นจานให้เลือก แต่ขอโทษผมเหมาทั้งตะกร้า อิอิ
โต๊ะนั้นสีเรียกว่า เจ็บ เลยล่ะ เป็นลายผ้าขาวม้าของเมืองเพชร ก็บอกแล้วไงว่าที่นี่เค้าเน้น Concept เมืองเพชรบุรี จริงๆ
มื้อเช้าของผมหน้าตาแบบนี้ ถึงแม้หน้าตาผมจะไทยแท้ แต่ผมก็กินอาหารฝรั่งเป็นนะเออ
หิวมาตั้งแต่เมื่อคืน คิดเหรอว่าแค่นี้จะกินไม่หมด
แต่ก็นะลูกทุ่งอย่างผม ยังไง๊ ยังไง ก็ต้องกินข้าวเท่านั้นถึงจะอยู่ท้อง
ถ้าได้ผลไม้ไทยๆ อย่าง กล้วย หรือ หรือฝรั่งก็จะแจ่ม (ชักเรื่องมากแระ)
เอาเป็นว่าละเลงกันเลยดีกว่า เดี่ยวมีขนมใส่ไส้เมืองเพชรตบท้ายอีกที
พอสายๆ แขกทะยอยลงมากันเยอะขึ้น เลยขอหลบมานั่งย่อยอาหารตรงนี้ดีกว่า
เอาล่ะย่อยอาหารกันเรียบร้อยเดี๋ยวเราเดินไปดูรอบๆ กันดีกว่า
Dream D Residence มีห้องพักแนวบูติค โดยการตกแต่งห้องนั้น ใช้ concept จากคำขวัญประจำเมืองเพชรบุรี ที่ว่า
“เขาวังคู่บ้าน ขนมหวานเมืองพระ เลิศล้ำศิลปะ แดนธรรมะ ทะเลงาม”
บอกตรงๆ ผมเพิ่งรู้จักคำขวัญเมืองเพชร ก็วันนี้แหละ แหะๆ
ด้านบนสุดชั้นเขาวัง จะเป็นโซนฟิตเนส และสระว่ายน้ำครับ มุมนี้แหละครับ กลางคืนบอกได้เลยว่าวิวแจ่ม
บริเวณนี้ลมพัดโกรกสบายมากครับ ตอนเช้าๆ อากาศดีมากนะ ขอบอก
มีนินิบาร์อยู่ตรงนี้ด้วย แต่ไม่มีคนแฮะ ไม่ต้องกังวลเค้ามีโทรศัพท์ให้เรียกใช้บริการได้ทันที
ใกล้ๆ กันจะเป็นสระว่ายน้ำ วิวสวย เห็นยอดเขาวังด้วยแหละ (ไกลหน่อย แต่ก็เห็น อิอิ)
เมื่อคืนผมก็อยากมาว่ายน้ำเล่นเหมือนกันนะ แต่ก็นะ ว่ายอยู่คนเดียวมันก็แปลกๆ เนาะ
ชั้นเขาวัง มีห้องพักอยู่สองห้องนะครับ และแต่ละห้องจะมีห้องคู่ มาเป็นครอบครัว หรือหมู่คณะ ก็เหมาะดีนะ
สำหรับห้องแบบนี้
กลางห้องจะมีเครืองออกกำลังกายให้เป็นส่วนตัว พร้อมทั้งห้องอาหารแบบมินิ
เรามาดูห้องพักห้องแรกกันก่อนครับ กว้างและโปร่ง โล่งๆ สบายดีแท้
น่าจะนอนได้สามคนนะ เพราะมีหมอนสามใบ (ฉลาดนะเนี่ยเรา)
คอนเฟิร์มครับว่าห้องพักที่นี่สะอาดทุกห้อง ที่สำคัญยังใหม่ๆ อยู่ทุกห้องเลย
ห้องน้ำเรียกได้ว่าจัดเต็ม มีอ่างอาบน้ำในตัวซะด้วย
ส่วนห้องอาบน้ำจะอยู่ทางซ้ายมือ ต้องบอกว่า จะกว้างไปไหนเนี่ย
วิวตรงอ่างอาบน้ำเนี่ย เห็นเขาวังเลยนะครับ เวลาเค้ามีงานจุดพลุ ผมว่าวิวดีเลยนะตรงนี้
ไปดูกันอีกห้อง (ในห้องใหญ่ห้องเดียวกัน)
การตกแต่งนั้นสไตล์เดียวกัน นั่นคือเน้นความโล่ง โปร่ง
ผ้าขนหนูพับไว้น่ารักทีเดียวเชียว เวลาผมไปพักที่ไหน ผมบอกตรงๆ ผมไม่อยากแกะของเค้าเลยนะ
ส่วนห้องน้ำก็รูปแบบเดียวกัน แต่ห้องนี้จะไม่มีหน้าต่างให้ชมวิว
เห็นอ่างแล้วคิดถึงตอนเด็กๆ ผมก็อาบน้ำในอ่างบ่อยนะ ไม่สิต้องเรียกว่า กะละมังมากกว่า อิอิ
ชั้นถัดมาเป็นชั้น 4 หรือชั้นบ้านเมือง ซึ่งเป็นชั้นที่ผมพัก นี่ก็เป็นอีกชั้นนะครับ ที่ตกกลางคืนวิวก็ดีเช่นกัน
อย่างที่บอกครับ ห้องยังดูใหม่อยู่เลย รู้สึกจากที่สอบถามโรงแรมนี้เพิ่งเปิดได้ปีกว่าๆ เองนะ
พูดกันตรงๆ ผมว่าห้องเค้ากว้างดีนะ มีพื้นที่รอบเตียง พอสมควร มันทำให้ห้องดูไม่แคบ
ถึงแม้จะโรงแรมจะติดถนน แต่กลางคืน บริเวณนี้เงียบมาก รับรองท่านพักผ่อนได้เต็มที่แน่นอน
ชั้นต่อไปเป็นชั้นที่ 3 หรือชั้นขนมหวาน เพชรบุรีนั้นขึ้นชื่อเรื่องขนมหวานอยู่แล้ว
ห้องนี้เข้ามาปุ๊บ รับรู้ได้ถึงความสดใสของสีสัน ตรง concept ขนมหวานเลยทีเดียว
อุปกรณ์อำนวยความสะดวก จะมีเหมือนกันทุกห้องนะครับ ไม่ว่าชั้นไหน
จากที่สังเกตห้องนั้นจะมี template คล้ายๆ กัน แต่จะแตกต่างกันที่สี
ส่วนการตกแต่งนั้น น้องเค้าบอกว่าจะมีการตกแต่งเพิ่มเติมอีกในไม่ช้านี้
สำหรับส่วนตัวผม ผมชอบห้องโล่งๆ แบบนี้นะ มันดูสะอาดสะอ้านดี
ห้องน้ำก็จะมีลักษณะคล้ายๆ กันทุกชั้น แต่เรืองความสะอาดต้องยกให้เค้าครับ
ระเบียงทางเดินรอบๆ แต่ะชั้น เป็นรั้วหลากสีสวยดีครับ
โรงแรม Dream D นั้นมีลักษณะเป็นตึกสองหลังต่อกันครับ ซึ่งรอยต่อได้ออกแบบให้เป็นช่องลมไปในตัว
โรงแรมตั้งอยู่ในพื้นที่ที่จำกัด แต่เค้าจัดสรรพื้นที่ได้ดีครับ ไม่รู้สึกว่าแคบหรืออึดอัดเลย
เราลงไปดูห้องชั้นสองกันดีกว่า ชั้นวัฒนธรรม
ชั้นนี้ต้องบอกไว้ก่อนว่าอาจจะไม่เห็นวิวกลางคืนเท่าไหร่นะครับ แต่คุณภาพของห้องไม่ได้ต่างจากชั้นบน
โรงแรมเค้าขอความร่วมมือ ไม่ให้สูบบุรี่ในห้องพักเด้อ แต่สำหรับผมไม่มีปัญหา เพราะไม่สูบบุหรี่อยู่แล้ว
โซนนี้เป็นโซนที่มีไว้บริการแขกที่พัก ซึ่งอยู่บริเวณชั้นล่างสุด เดี๋ยวเราลงไปดูกัน
แต่เราไปดูห้องพักในชั้นธรรมะกันก่อนดีกว่า ซึ่งเป็นห้องพักชั้นสุดท้ายแล้ว
อย่างที่บอกครับไม่ว่าเป็นห้องพักประเภทไหน ที่ ดรีมดี เค้าก็มีอุปกรณ์ทุกอย่างให้พร้อม
ผมพยายามถ่ายภาพห้องพักให้เยอะที่สุด เผื่อท่านใดสนใจเข้าพัก ดูรีวิวนี้แล้ว จะได้เป็นข้อมูลที่ตัดสินใจได้ทันที
ผมคิดว่าได้เวลาที่จะออกไปขับรถเที่ยวลั๊นลาตามประสาผมแล้วล่ะ เดี๋ยวไปบริเวณ Lobby กัน
แขกที่พักสามารถลงมานั่งพักผ่อน หรือเล่นเกมส์ตรงนี้ได้นะ
โซนนี้จะติดกับห้องอาหารนั่นเอง ด้วยความที่เป็นช่องลม ตรงนี้ลมเย็นสบายดีนะ
หากมีใครมีเจ้าตัวเล็กมาด้วย ทางโรงแรมก็มีของเล่นไว้คอยบริการนะครับ
บริเวณชั้นล่าง ก็มีมุมสวยๆ น่ารักๆ ไว้ให้ถ่ายรูปกันด้วย แสงยามเช้ากำลังสวยเลยล่ะ
อากาศวันนี้ชวนให้ออกไปเที่ยวเสียจริง ผมมีแผนว่าจะขับรถเรื่อยเปื่อยไปแถวๆ บางตะบูนต่อ
เราไปเช็คเอาท์กันเลยดีกว่าครับ Lobby เค้าจัดได้น่ารักดีทีเดียว
ที่นี่เค้าเน้นความเป็นเพชรบุรีจริงๆ ครับ นิตยสารต่างๆ ก็เกี่ยวกับเพชรบุรีหมดเลย
มุมอ่านหนังสือหน้า Lobby เค้าก็น่ารักนะ
น้อยคนนักที่มานั่งมุมนี้ แล้วไม่เก็บภาพกลับไป
เห็นภาพในโปสการ์ดเพชรบุรี แล้วต้องบอกได้เลยว่า เพชรบุรีไม่ใช่แค่ทางผ่านเสียแล้ว
มีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายที่เลย ที่น่าสนใจ
จังหวัดเพชรบุรี ผมว่าเป็นจังหวัดท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรมที่น่าสนใจมากๆ นะครับ
เสียดายที่คนไทยเราสนใจท่องเที่ยวด้านนี้กันน้อย
หากต้องการที่พักสวยๆ สะอาดๆและเงียบสงบ Dream D จะทำให้ท่านนอนหลับฝันดีแน่นอนครับ
หากท่านใดสนใจติดต่อห้องพัก สามารถติดต่อโดยตรงที่ http://www.dreamdresidence.com หรือที่ Facebook
หวังว่าริวิวนี้จะช่วยให้หลายๆ ท่าน มีข้อมูลที่พักในเพชรบุรีกันมากขึ้นนะครับ เพราะจากที่ผมลองค้นดูโรงแรมในตัวเมืองเพชรบุรีนั้นมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ โรงแรม ที่พัก รีสอร์ท จะไปกองกันอยู่โซนชายหาดเกือบทั้งหมด ทำให้นักท่องเที่ยวไปพักกันโซนนั้นหมด เมืองเพชรบุรีเลยเงียบเหงา และกลางเป็นทางผ่านไปโดยปริยาย
ผมต้องไปเที่ยวเพชรบุรีอีกหลายรอบแน่ๆ เพราะจากที่เซอร์เวย์มา ต้องบอกว่า เพชรบุรีมีอะไรอีกเย๊อออออะ ให้น่าค้นหา
ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณมากมาย ขอบคุณอย่างแรง
นายหัว
อุปกรณ์:
กล้องดิจิตอล : Olympus OMD EM5,Nikon D3
เลนส์ : M.Zuiko 12-50 f/3.5-6.3 ,Nikor 14-24N