เที่ยวไทรโยค บ้านไม้ไผ่ป่า รีสอร์ท ที่พัก กาญจนบุรี
มาถึงกันซะป่านนี้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือหาไรกินกันก่อนครับ
ที่นี่เลย “ชัชวาลย์ สเต็กเฮ้าส์” ร้านนี้หาไม่ยากครับ อยู่ติดกับที่ทำการอำเภอไทรโยคนั่นเอง
อย่างเพิ่งคิดว่าเป็นร้านสเต็กอย่างเดียวนะครับ เค้ามีอาหารอย่างอื่นด้วย
ผมชอบบรรยากาศภายในร้านจัง จัดไฟได้สวยเย็นตา เอาเป็นว่าขับรถผ่านนี่ สะดุดตาเลยล่ะ
นอกจากนั้นยังมีนักร้องทั้งหญิงชาย เสียงดี มาคอยขับกล่อมเสียงเพลงในขณะทานข้าวด้วยครับ
ดูจากราคาอาหาร+บวกบรรยากาศในร้านแล้ว บอกได้เลยครับ ว่าคุ้มสุดๆ
จะสั่งไรกันดีล่ะ เมนูอาหารก็เยอะเหลือเกิน หิวจนตาลายหมดแล้วตอนนี้ งั้นเอาที่เค้าแนะนำล่ะกัน
เมนูแรกเป็นปลาคังลวกจิ้ม มาไทรโยคทั้งทีไม่กินปลาคังได้เยี่ยงไร รสชาด ไม่ต้องพูดถึง มันแซ่บมาก
เมนูต่อไปเป็นลูกชิ้นทอด อันนี้ร้านเค้าแนะนำ น้ำจิ้มอร่อยเด็ดทีเดียว
เมนูสุดท้ายอันนี้ผมสั่งเป็นต้มยำไก่บ้าน ก็นะอยู่แต่ กทม กินแต่ไก่เนื้อยุ่ยๆ ขอกินไก่บ้านเนื้อแน่นๆ หน่อยเถอะ
เอาล่ะ มือไม้สั่นไปหมดแล้ว ขอเวลาสักครู่
กินอิ่มกันแล้ว ไปที่พักกันเลยดีกว่า คืนนี้เราพักที่ “บ้านไม้ไผ่ป่า” ซึ่งเป็นบ้านพักที่อยู่ริมน้ำ หลังที่ว่าการอำเภอไทรโยค
บ้านไม้ไผ่ป่า เป็นที่พักในลักษณะเป็นบ้านทั้งหลังริมน้ำ แต่ราคาค่าเช่าจะคิดตามจำนวนแขกที่พักนะครับ
ไม่ได้คิดทั้งหลัง รายละเอียดบ้านไม้ไผ่ป่า
ส่วนของกินนั้นต้องเตรียมกันมาเอง บ้านไม้ไผ่ป่า ไม่มีบริการด้านอาหารนะครับ
ส่วนจะซื้ออะไรนั้น มี เซเว่น อยู่ใกล้ๆ มิต้องกังวล เรียกว่าเมา เอ้ย..กินกันได้ทั้งคืน
ด้านหน้าบ้านพัก มีเก้าอีกพร้อมสำหรับเอาไว้ตั้งวงกินเหล้า เอ้ย..กินข้าว พร้อมอุปกรณ์ปิ้งย่าง มีเตรียมไว้ให้พร้อมสรรพ
ที่จอดรถหน้าบ้านกว้างขวางครับ มุมนี้มองจากในบ้านไปหน้าบ้าน รถจอดหน้าบ้านได้เลยครับ ไม่ต้องกังวล
เข้าไปในบ้าน จะมี Welcome fruit เป็นกล้วย อิอิ (อันนี้ผมมั่วเองนะ)
ผมและพี่ที่มาด้วยจะนอนกันห้องนี้ล่ะ เป็นห้องที่อยู่ชั้น 1
ห้องกว้างมากครับ เหมาะสำหรับนอนหลายๆ คนได้สบาย มีทีวีพร้อมจานสัญญาณ
การจัดห้องนั้นเน้นความสะอาด โปร่ง และเรียบง่ายครับ พื้น และเฟอร์นิเจอร์เป็นไม้ล้วนๆ
โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าการดูแลบ้านไม้นั้นทำได้ยาก แต่ไม้ที่นี่ยังอยู่ในสภาพดีทั้งนั้นเลยครับ แสดงว่าดูแลได้ดีมาก
ถึงแม้บ้านอยู่ติดริมน้ำ อากาศจะเย็นตอนกลางคืน แต่ก็ยังมีแอร์ไว้คอยบริการ ตามมาตรฐานห้องพักทั่วๆ ไปนะครับ
ที่ชั้นเดียวกัน ก็มีห้องครัว พร้อมอุปกรณ์ทำครัวพร้อมสรรพ เรียกได้ว่างานนี้ทำกับข้าวกินได้สะดวกเลยล่ะ
ส่วนห้องน้ำนั้น กว้างเป็นพิเศษเพื่อรองรับแขกเข้าพักจำนวนมากๆ
ในห้องอาบน้ำมีการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น สามารถเลือกอาบน้ำได้ทั้งแบบฝักบัว หรือตักอาบแบบลูกทุ่ง (อันนี้ผมชอบ อิอิ)
ห้องน้ำก็เป็นชักโครกมาตรฐานทั่วไปครับ หลังคานั้นโล่ง ทำให้ห้องน้ำไม่มีกลิ่นอับ
เนื่องจากเรามาถึงกันดึกแล้ว บวกกับเพิ่งกินข้าวกันเสร็จ เลยต้องขอตัวนอนกันก่อน เช้าพรุ่งนี้ว่ากันอีกที
——————————————————————————————————–
คุณอ้อมเจ้าของ บ้านไม้ไผ่ป่า โทรมาปลุกแต่เช้า เพื่อบอกว่าวันนี้หมอกหนา
เราไม่รอช้า ขยี้ขี้ตา แล้วออกกันไปทันที
บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวริมทาง ก่อนถึงโรงพยาบาลไทรโยค ประมาณ 1 กิโลเมตร
ด้านล่างจะเป็นป่าไม้ไผ่ จุดนี้สามารถมองเห็นแม่น้ำแควน้อยได้ด้วยด้วยครับ
โชคดีจริงๆ แฮะ เวลาผมตั้งใจไปดูหมอกที่ไหน ไม่เคยเจอเลย แต่มาเจอเอาตอนที่ไม่ได้ตั้งใจ
แต่คงอาจจะเพราะอากาศไม่ได้หนาวจัด สักพักหมอกก็เริ่มจางหายไปแล้วล่ะ ทำให้เห็นวิวภูเขาชัดขึ้น
เราขับรถกลับที่พักกันก่อน ดูรายการสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว บอกให้รู้ว่าต้องมาเยือนไทรโยคอีกครั้งแน่นอน
เพราะคราวนี้คงเที่ยวไม่ทั่วแน่ๆ
ขับรถผ่านสะพาน เห็นวิวมันสวยดีเลยจอดรถถ่ายภาพหน่อย ซ้ายมือคือปางช้างไทรโยคนะครับ
ยังเช้าอยู่เรากลับมาตั้งหลักที่ บ้านไม้ไผ่ป่า ก่อน
เปิดตู้เย็นดูว่ามีไรกินมั่ง แหะๆ ไม่ได้ซื้ออะไรมาเลย แล้วจะมีได้ไง จะมีก็แค่ที่บ้านพักเค้าเตรียมไว้ให้นี่แหละ
งั้นไปทำไรกินในครัวดีกว่า
เครืองครัวทางที่พักเค้าเตรียมให้พร้อมจริง แต่ไม่ได้ซื้ออะไรติดไม้ติดมือมาเลยนี่สิ เช้านี้จะกินอะไรกันล่ะที่นี้
แต่ค่อยยังชั่วหน่อยที่ทางบ้านพักเค้าเตรียมกาแฟ กับ ขนมปังไว้ให้ ยังไงก็พอมีอะไรรองท้องก่อน
เอากันเข้าไปพอจะออกไปหามื้อเช้ากิน ฝนดันกระหน่ำตกซะ จากที่ถามคุณอ้อม(เจ้าของบ้านพัก) เค้าบอกว่าฝนไม่ตกมาหลายวัน อืม..โชคดีเป็นของผมจริงๆ เจอฝนติดกันสองทริปล่ะ
เอาล่ะไหนๆ ก็ออกไปไหนไม่ได้ เราไปชมห้องพักชั้นบนกันดีกว่า
บ้านพักเป็นบ้านไม้สองชั้น มีห้องพักชั้นละ 1 ห้อง แต่รองรับแขกได้ถึง 20 กว่าคนเลยทีเดียว
เพราะลานกลางบ้านกว้างมาก
ขนาดของห้องพอๆ กับห้องชั้นล่างครับ แต่รู้สึกห้องนี้สีจะสดใสกว่าหน่อย ตรงที่สีของเนื้อไม้
การตกแต่งห้องนั้นเน้นความเรียบง่าย โปร่ง และสะอาดเหมือนกันห้องชั้นล่าง
โซนหน้าต่างนั้นเปิดออกไปกะจะเห็นวิวแม่น้ำแควน้อยเลย แต่ตอนนี้ฝนตกหนัก ขอปิดไว้ก่อน แหะๆ
ฝนตกๆ แบบนี้ เจอบรรยากาศห้องแบบนี้ มันชวนให้นอนอีกรอบเสียจริงๆ
ตัวห้องนั้นกว้างสามารถนอนได้หลายคนนะครับ แต่ทางบ้านพักเค้าเตรียมเตียงเสริมไว้แค่ 1 เตียง
คอนเฟิร์มนะครับ ว่าที่นี่กลางคืนอากาศเย็นดีจริงๆ ถึงแม้จะมีแอร์ทุกห้อง แต่คาดว่าคงไม่ได้ใช้
ตอนผมนอนผมไม่ได้เปิดแอร์ ยังนอนห่มผ้าเลยครับ
รอบบ้านนั้นจะเป็นต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบ สังเกตได้จากนอกหน้าต่าง ช่วงกลางวันถ้าอากาศร้อน แต่ที่นี่ไม่ร้อนครับ
เย็นสบายๆ
ที่ชั้นสองจะมีระเบียงกว้างๆ แบบนี้ ซึ่งเราสามารถตั้งวง เอ้ย ชมวิวแม่น้ำแควน้อยได้เช่นกัน
หลังจากฝนหยุดตก ผมเดินเก็บภาพรอบบ้านนิดหน่อย สีเขียวต้นไม้ตอนเช้าๆ มองแล้วชุ่มชื่นดีแท้
ข้างบ้านมีชิงช้าไม้ สามารถโล้เล่นไปด้วย ชมวิวแม่น้ำแควน้อยไปด้วย ได้เลย
ท่านใดที่ต้องการนอนพักผ่อนเงียบๆ พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์จากแม่น้ำ ก็มีเก้าอี้ไว้บริการ
บริเวณนี้เป็นจุดที่เห็นวิวแม่น้ำแควน้อย ซึ่งตรงข้ามกับปางช้างไทรโยค สามารถเห็นช้างลงเล่นน้ำได้
บริเวณนี้อาจมีต้นไม้บังวิวไปบ้าง เหตุผลที่คุณอ้อม(เจ้าของบ้านไม้ไผ่ป่า)บอกก็คือ ไม่อยากตัดต้นไม้เพราะจะทำให้แดดส่องเข้าบ้าน และอาจทำให้หน้าดินบริเวณนี้พังทะลาย หากไม่มีต้นไม้ใหญ่
..ผมอยากให้เจ้าของรีสอร์ท หลายๆ ที่คิดแบบนี้มั่งจัง …
ระเบียงบ้านชั้นสอง ก็เป็นอีกจุดนึง ที่สามารถมานั่งรับลมเย็นๆ จากแม่น้ำได้เช่นกัน
ส่วนบริเวณหลังบ้านนั้นจะโล่งเตียน สามารถกางเต๊นท์ได้ โดยมีห้องน้ำนอกบ้านไว้คอยบริการ
ผมกะลังถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย พี่เค้าตะโกนว่าให้ไปกินข้าว คุณอ้อม(เจ้าของที่พัก เค้าซื้อมาให้)
คุณอ้อมเค้าออกตัวใหญ่ว่า เป็นแค่กับข้าวบ้านๆ แต่หารู้ไม่ว่าน้ำพริกปลาทูนี่แหละ
คือ สุดยอดของอาหารที่ผมโปรดปรานที่สุด
เมนูต่อไปเป็นแกงอ่อมหน่อไม้
แล้วก็ตามด้วยปลาร้าหลน เมนูมีอีก 2-3 อย่าง แต่ตอนนี้ผมไม่มีสมาธิจะถ่ายภาพซะแล้วล่ะ
หลังจากกินจนอิ่มแล้ว สมาธิผมก็กลับมาอีกครั้ง
อ่ะๆ อีกชิ้นก็แล้วกันเกรงใจเจ้าของบ้าน
กว่าฝนจะหยุดตก เวลาล่วงเลยไป 11 โมงแล้วล่ะครับ เป้าหมายต่อไปของเราคือ ถ้ำกระแซ
แหม ฟ้าหลังฝนนี่ มันช่างสวยอะไรเช่นนี้
เดินไปตามทางรถไฟนิดเดียว ก็ถึงปากทางเข้าถ้ำกระแซแล้วล่ะครับ
แวะเข้าไปกราบพระ เพื่อเป็นศิริมงคลกันก่อนครับ
ในถ้ำนี้มีประวัติที่มานะครับ ใครแวะไปล่ะก็อย่าลืมอ่านประวัติก่อนเน้อ จะได้รู้ที่มาที่ไป
ออกมาจากถ้ำแล้ว ก็เดิมชมวิวแถวๆ นี้ดูหน่อย ที่เห็นขวามือนั้น น่าจะเป็นบ้านริมแคว แพริมน้ำ
ที่ไทรโยค กาญจนบุรีนั้น กลางคืนอากาศอาจจะเย็นจริงครับ แต่กลางวันนี่ ร้อนใช้ได้เลยล่ะ
ผมอยู่ที่บริเวณถ้ำกระแซได้สักพัก ก็เดินย้อนกลับ เดี๋ยวเราไปหาไรดื่มแก้ร้อนกันหน่อยดีกว่า
ใช่ครับไปหาไรดื่มในห้องน้ำนี่แหละ
..เย่ย มิใช่แระ อันนี้เป็นห้องน้ำ ของ “ริมน้ำคาแฟ่” ต่างหาก
ริมน้ำคาเฟ่ เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ติดแม่น้ำแควน้อย อยู่ระหว่างทางไปถ้ำกระแซนั่นล่ะ
เป็นร้านกาแฟที่ตกแต่งได้น่ารักทีเดียว
เดินเข้าไปก็จะเจอเจ้าตัวเล็ก นั่งเปลคอยต้อนรับแบบนี้
เอาล่ะเราเข้าไปดูในร้านกันดีกว่า
เป็นร้านกาแฟที่ไม่ได้กว้างมากครับ แต่จัดร้านได้ดูโล่งดีแท้ ทางเข้าร้านจะมีสะพานซึ่งทำจากไม้หมอนรถไฟ บ่งบอกถึงความเป็นไทรโยคไปในตัว
ภายในร้านมีมุมไว้ให้เรานั่งจิบกาแฟ และก็ชมของสะสมชิ้นเล็กๆ ที่ทางร้านได้นำมาจัดวางได้อย่างลงตัว
สีสันนั้นเรียกว่าจี๊ดกันเลยทีเดียว แต่ก็มีลายเพดานที่น่าจะทำจากเสื่อคอยดึงความจี๊ดของสีลงมาหน่อย
ทำให้เข้าไปในร้านแล้ว กลับรู้สึกว่าสีมันดูสบายๆ (ผมคิดเอาเองทั้งนั้น 55)
นั่งจิบกาแฟ รับลมเย็นๆ จากแม่น้ำแควน้อยไปพลาง ผมกะจะเอากีตาร์มาเล่นบรรเลงเพลงซักหน่อย แต่ดันลืมไปว่า ผมถนัดเคาะขวด หรือ เคาะกะละมังมากกว่า
นอกจากจะมีกาแฟสดแล้ว ก็ยังมีเครื่องดื่มอื่นๆ ไว้คอยบริการอีกหลายอย่าง
ด้านหลังก็มีที่ให้นั่งนะครับ เดินผ่านประตูออกไป แต่วันนี้เก้าอี้ยังไม่พร้อม เพราะเจอฝนเมื่อเช้า
อีกมุมนึง อยู่โซนหน้าร้าน โต๊ะนี้ดีหน่อยตรงที่ได้รับลมจากแม่น้ำเต็มๆ แถมมีดอกไม้สีสดๆ ประดับโต๊ะ
ทำให้ดูสดชื่นดีทีเดียว
ไม่ได้สวยแค่ดอกไม้นะครับ สังเกตแจกันดอกไม้สิครับ ผมว่าเจ้าของร้านเค้าใส่ใจในทุกรายละเอียด
มาดูมุมจากในร้าน ออกไปนอกร้านกันบ้าง
ไม่ว่าจะเป็นมุมไหนก็สวยน่ารักทุกมุมเลยว่าไหม
เอาล่ะไปเดินดูโซนริมน้ำกันบ้างดีกว่า ระเบียงที่ยื่นออกไป กว้างพอสมควร และตอนนี้กะลังโดนครอบครัวนึงยึดพื้นที่ อิอิ
นอกร้านก็มีโต๊ะให้นั่งหลายโต๊ะอยู่เหมือนกัน แต่ทว่า ผลจากฝนตกเมื่อคืน ก็เลยยังพร้อมให้บริการเท่าไหร่นัก
ริมน้ำคาเฟ่ มีอากาศที่เย็นสบาย น่านั่ง อาจเป็นเพราะร้านนั้นตั้งอยู่ริมน้ำ และรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่เยอะมาก
และนี่เป็นจุดชมวิวที่ลูกค้าทุกคนต้องเดินมา ก็ไม่น่าแปลกหรอกครับ วิวดี อากาศดีซะขนาดนี้
นอกจากนั้นรอบๆ ร้านยังเต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับต่างๆ ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้บรรยากาศรอบร้านมากยิ่งขึ้น
เอาเป็นว่าไปเที่ยวถ้ำกระแซแล้ว อย่าพลาดแวะริมน้ำคาเฟ่ เสียล่ะ เดี๋ยวจะหาว่านายหัวไม่บอก
อ้อเกือบลืม แวะไปเยี่ยมเยียนทักทาย ริมน้ำคาเฟ่ ทาง facebook ได้ที่นี่ครับ
หลังจากนั้นเราไปดูปางช้างวังโพธิ์กันต่อครับ
ที่ปางช้างเราสามารถให้อาหารช้างได้นะครับ ส่วนใครอยากขี่ช้าง ที่นี่มีบริการขี่ช้างลงน้ำด้วยนะครับ
หลังจากที่ข้าวของจาก บ้านไม้ไผ่ป่า เราก็มุ่งกลับกรุงเทพกันที เนื่องจากรถผมแอร์เสียเลยต้องตัดใจลาไทรโยคก่อนเวลาอันควร แต่ขากลับก็ไม่ลืมแวะวัดถ้ำเสือ อำเภอท่าม่วง เพื่อกราบไหว้หลวงพ่อชินประทานพร
ถึงแม้เราจะไปถึงวัดถ้ำเสือเย็นแล้ว แต่ที่นี่ก็ยังเต็มไปด้วยพุทธศาสนิกชน ที่แวะมาขอพรหลวงพ่ออย่างไม่ขาดสาย
ไหน ๆก็มาวัดถ้ำเสือแล้ว ผมไม่พลาดที่จะขึ้นบันได 177 ขั้น เพื่อขึ้นไปกราบไหว้พระสารีริกธาตุที่ประดิษฐานที่ที่ชั้น 9
ขึ้นไปถึงนั่งหอบอยู่สักพัก พอยกกล้องขึ้นจะถ่ายภาพ เจ้าหน้าที่ก็ขึ้นมาบอกว่า
“หมดเวลาแล้วค่ะ เชิญลงได้เลยค่ะ เราจะปิดแล้ว”
ไอยะ!!! …สุดท้ายผมได้มาแค่ภาพเดียว
ส่วนตอนขาลง ก็ไม่ลืมเก็บภาพหลวงพ่อชินประทานพร แบบกว้างๆ มาฝากกัน
การเดินทางไปไทรโยคทริปนี้ค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร รถมีปัญหา แต่ก็ยังดีมีคนแถวนั้นแก้ไขให้ใช้ได้เบื้องต้น ต้องขอขอบคุณคุณอ้อม แห่งบ้านไม้ไผ่ป่า ที่คอยเป็นไกด์ให้พวกเรา และคอยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
ส่วนขากลับนี่ต้องบอกว่าสุดๆครับ รถแอร์เสีย ฝนก็ตกหนัก ร้อนก็ร้อนแต่เปิดกระจกไม่ได้ หนำซ้ำเจอรถติดที่นครปฐมเกือบสองชั่วโมง เรียกว่างานนี้กว่าจะกลับถึงกรุงเทพเนี่ย เล่นเอาเหนียวกันทั้งตัว แต่ก็สนุกดีครับ …
ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณมากมาย ขอบคุณอย่างแรง
นายหัว..
อุปกรณ์:
กล้องดิจิตอล : Olympus OMD EM5,Nikon D3
เลนส์ : M.Zuiko 12-50 f/3.5-6.3 ,Nikor 14-24N