naiHua

ล่องแพ กลางไอหมอก เขื่อนแม่งัด เชียงใหม่

เขื่อนแม่งัด เชียงใหม่

เขื่อนแม่งัด เชียงใหม่

เขื่อนแม่งัด เชียงใหม่

วันที่ 5 ธันวา ที่ผ่าน ผมได้ติดสอยห้อยตามพี่ๆ เค้าไปธุระที่แม่สะเรียง
ผมไปโดยไม่รู้โปรแกรม พอถามพี่เค้าว่าหลังจากเสร็จธุระแล้ว เราจะไปไหนกันต่อ
ทั้งสามคนตอบเหมือนกันคือ ” ไม่รู้”

โอเคครับ ทริปนี้คือทริปแห่งยถากรรม..ในที่สุดก็มาถึง วัดจอมสูง วัดทีพี่ ๆ เค้ามาทำธุระครับ

มีการฟ้อนรำต้อนรับผู้มาเยือนด้วยลีลาของเยาวชนที่เต็มไปด้วยความสามารถ

ผมถ่ายภาพมาไม่เยอะครับ เพราะมีพ่อแม่ผู้ปกครองเค้ามาถ่ายภาพกันเยอะ ไม่กล้าไปขวางทางกล้อง
เค้าเท่าไหร่ จากภาพดูเหมือนแดดจะแรง แต่ที่จริงแล้วอากาศเย็นสบาย แดดอุ่น ๆ ครับ

แพนท่าสวย ๆ พร้อมรอยยิ้มที่สดใส(เหรอ) อิอิ สงสัยคงจะเหนื่อยน่ะ

ตกกลางคืนมีขันโตก พร้อมการแสดง ต้อนรับผู้มาเยือนครับ

ตื่นเช้า มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่ เพื่อไปหาที่เที่ยวเอาดาบหน้า แวะทุ่งบัวตอง (อันเหี่ยวเฉา)ข้างทาง

ไปยืนถ่ายกันอยู่ได้ ขนาดหมายังงง “เอ๊ะ คนพวกนี้ทำไรกันหว่า”

ผ่านออบหลวง คงต้องแวะถ่ายที่ป้ายกันหน่อย สังเกตพี่เสื้อเหลือง ท่าพี่ท่านเท่ห์ตลอด

มาตรงออบหลวง พี่ก็ยังเท่ห์

ที่แวะต่อไปก็ วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ตอนนี้อยู่ในระหว่างบูรณะครับ

เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากครับ วันนี้คนเต็มวัดเลยครับ

โชคดี เพราะที่นี่มีพระธาติประจำราศีเกิดของผม ทริปนี้ผมได้มาที่นี่ที่เดียวก็คุ้มแล้วครับ
จะไปไหนต่อนั้น ผมไม่สนใจอีกแล้ว อิอิ

ไหว้พระธาตุเสร็จก็ สักการะ พระเจ้าทันใจต่อ เค้าบอกว่าบนบานอะไรไว้จะเป็นจริง
เลยขอให้พระสูงสุดของผม(พ่อแม่)ให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วครับ

เอาล่ะครับต้องออกเดินทางกันต่อ เป้าหมายต่อไป คือ งานพืชสวนโลก ที่เชียงใหม่

มาถึงบ่ายแล้ว อากาศร้อนอบอ้าวมาก ๆ ๆ ครับ

คนเยอะมาก ๆ ครับ ผมมองว่าโดยรวมไม่มีอะไรน่าตื่นตามากนัก แวะแค่แป๊บเดียวก็มุ่งสู่เป้าหมายต่อไป
(ที่ไหนอ่ะ)

ไม่รู้จะไปไหนกันดี โทรถามเพื่อนครับ ได้ที่แนะนำมาคือ “เขื่อนแม่งัด
ไปถึงเกือบเย็น เจรจาค่าเรือไปกลับ พร้อมที่พัก 4 คน เป็นเงิน 600 บาท ออกเดินทางกันเลยดีกว่า

นั่งเรือไป 8 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็ถึงแพเป้าหมาย ในเวลาที่เริ่มมืด อากาศหนาวกำลังดี

ด้วยความอ่อนล้า กินข้าว กันเสร็จ ก็อาบน้ำ(เหรอ) นอนกันเลย
ตื่นมาชมบรรยากาศตอนเช้า ๆ

บรรยากาศเงียบ สงบ อากาศเย็นเฉียบ มีหมอกจากไอน้ำ ลอยบาง ๆ ให้เห็น

บรรยากาศด้านหลังแพที่ผมพัก

ถึงแม้อากาศจะหนาวจับใจ แต่น้ำในเขื่อนกลับอุ่น น่ากระโดดน้ำมากมาย

แสงทอง ตอนเช้าเริ่มปรากฏให้เห็นเล็กน้อย ในขณะที่เดินผมทอดอารมณ์ ไปกับการชมความเงียบสงบ
ของที่นี่

แพที่เขื่อนแม่งัด ยังคงไว้ซึ่งความเป็นธรรมชาติ ที่ยังไม่โดนรบกวนมากนัก เหมาะมาก ๆ
กับการพักผ่อนอย่างแท้จริง

ผมก็ไม่ลืมที่จะเอาภาพห้องพักมาให้ชมกันครับ ห้องกว้างขวางนอนกันได้เยอะคนเลยทีเดียว

สะอาด เรียบง่าย ภายในราคา ต่อหัวเพียง 100 บาทแค่นั้นเอง

ความตั้งใจของผม คือสาย ๆ หน่อยจะ กระโดดเล่นน้ำให้สะใจ แต่..พี่เค้ามีธุระด่วน เลยต้องเรีบกลับกันครับ

ลงจากเรือถึงฝั่ง มองย้อนกลับไป ภาพอาทิตย์ตอนเช้ามันเข้าตาผมจริงๆ ครับ

เขื่อนแม่งัด สร้างความประทับใจให้ผมเป็นอย่างมาก บรรยากาศสงบ เรียบง่าย อากาศหนาวกำลังดี
ห้องพักและอาหารราคาถูก คนยังไปเที่ยวกันน้อย ทริปนี้มาสมบูรณ์แบบได้ ก็เพราะที่นี่แหละครับ
หลังจากนั้นมุ่มหน้าสู่อำเภอสะเมิง เพื่อไปชิมสตอร์บอรี่สดๆ จากไร่ แวะสวนเพาะพันธุ์ไม้แป๊บนึงครับ

ถึงแล้วครับ “ไร่นภ-ภูผา

ที่นี่มีบริการครบครัน ไม่ว่า จะเป็นที่พัก ท่านจะได้บรรยากาศสดชื่น ท่ามกลางขุนเขา

หรือท่านจะนั่งจิบกาแฟ พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ในมุมสูง ก็ย่อมได้

โต๊ะสวย ๆ ก็มีให้นั่งท่ามกลางไร่สตอเบอรี่

มีบริการรถ ATV ให้ขับชมไร่ส้ม ไร่สตอเบอรี่ และบริเวณรอบ ๆ (พี่ท่านเท่ห์ตามเคย)

กิจกรรมแบบนี้สนุกหรือไม่ สังเกตได้จากใบหน้าของพี่ท่าน (หน้าพี่ท่านมันส์ซะเจง ๆ )

ผมก็ไม่ยอม ซ้อนท้ายอีกคัน ไปชมสวนส้ม พร้อมชิมส้มกันสด ๆ ในสวน

ท่านสามารถซื้อตะกร้าราคำ 10 บาท เพื่อเก็บส้มไปทานได้ตามใจชอบ

บรรยากาศบ้านไร่ชาวสวน มันถูกใจนายหัวอย่างผมเสียจริง ๆ

เอาล่ะครับ ได้เวลากลับกทม กันแล้ว เอ๊ยยยท่านพพพพพพพี่ เค้าจะกลับกันแล้ว จะอินกะบรรยากาศไปถึงหนายยยยยยยย

ทริปนี้ 3 วัน 2 คืน แต่ได้ภาพมาน้อยมากครับ ผมมัวแต่อินกะบรรยกาศซะส่วนใหญ่

ทริปนี้สอนให้รู้ว่า “บางครั้งความสุขจากการท่องเที่ยว หาใช่เพราะ โปรแกรมทัวร์ที่ครบครัน
สถานที่ที่โด่งดัง ที่พักที่สวยหรู หรือความคุ้มค่าด้านค่าใช้จ่าย เท่านั้น
แต่มันคือความพอใจกับที่ที่เราได้ไป บรรยากาศที่เราได้สัมผัส และนั่นคือความสุข
ที่คุณสามารถหาได้กับสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัว”

ขอบพระคุณที่ติดตามกันเช่นเคย
นายหัว…

Exit mobile version