อ่างทอง ไหว้พระวัดม่วง กราบหลวงพ่อใหญ่

ไหว้พระ วัดม่วง อ่างทอง

ผมเดินทางสู่วัดม่วงนั่นเอง
ทริปนี้ผมมีพนักงานขับรถแสนใจดี เป็นผู้ร่วมเดินทางด้วยครับ ถือได้ว่าทริปที่แหล่มเลยทีเดียว อิอิ

พอไปถึงวัดม่วง เจ้าบ้านก็ให้การต้อนรับอย่างนอบน้อม
วัดม่วง

ไปถึงวัดม่วงประมาณ 9.00น. ฟ้าใสกันเลยทีเดียว (แต่เริ่มจะร้อนแล้วล่ะครับ)
วัดม่วง

สิ่งที่จะเห็นชัดเจนที่สุดนอกจากองค์พระหลวงพ่อใหญ่แล้ว นั่นคือสองตนนี้ครับ
วัดม่วง

เมื่อผ่านด่านสองตัวดังกล่าว ท่านก็จะเห็นองค์หลวงพ่อเด่นเป็นสง่า
วัดม่วง

ด้วยเวลาที่ยังเช้า แสงแดดอ่อน ๆ ส่องกระทบกับสีทองขององค์หลวงพ่อ ทำให้สีนั้นมันสะดุดตาจริง ๆครับ
วัดม่วง

มังกรจีนตรงบันได สีมันดูเด่น จนอดไม่ได้ที่ต้องถ่ายมาฝากกันซะหน่อย
วัดม่วง

สังเกตุได้เลยครับ ถึงแม้จะเช้าอยู่ แต่เริ่มมีผู้คนหลั่งไหลก็นมาที่วัดม่วงเยอะแล้ว
วัดม่วง

มุมนี้มุมหาชน ไอ้ตัวกระผมจะไม่ถ่ายก็ไม่ได้เนาะ
วัดม่วง

สีทองของพญานาคกับ สีทองขององค์หลวงพ่อใหญ่ เข้ากันได้ดีเลยทีเดียว
วัดม่วง

ตุ๊กตาหนูน้อยเด็กไทย น่ารักเชียว
วัดม่วง

อ่ะ มังกรด้านนี้ก็มี ถ่ายทั้งสองข้าง เดี๋ยวมันจะน้อยใจ
วัดม่วง

เสียดายจังเลยครับ ถ้าหากทางวัดเก็บสายไฟอย่าให้มันระโยงระยาง คงจะดีไม่น้อย
วัดม่วง

ผมพยายามเดินหามุมที่ไม่ติดผู้คน แต่หายากเสียเหลือเกินครับ
วัดม่วง

ดูกันไปหลายมุมแล้ว เรามาดูตรง ๆ กันมั่งครับ หน้าตักของหลวงพ่อใหญ่กว้างถึง 62เมตรกันเลยทีเดียว
วัดม่วง

อ่อนช้อยงดงาม ตามสถาปัยกรรมไทย
วัดม่วง

วัดม่วง

อาจจะยังไม่เที่ยง แต่อากาศตอนนี้ต้องบอกว่า ร้อนมากกกกกก เลยครับ
วัดม่วง

เอาล่ะครับ คงต้องกราบลาหลวงพ่อใหญ่กันแล้วล่ะ ยังเหลืออีกสองวัด ตามโปรแกรมที่วางไว้
วัดม่วง

หลังจากนั้นก็ไปถวายสังฆทาน และก็ออกไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่าครับ เพราะใกล้เที่ยงเต็มที
วัดม่วง

ออกจากวัดม่วง แล้วก็เลี้ยวซ้ายไปนี่เลยครบ “ตลาดศาลเจ้าโรงทอง” ขับรถไปนิดเดียวเอง มีป้ายบอกตลอดทาง
วัดม่วง

บรรยากาศภายในตลาดนั้น มีกลิ่นอายของความเก่าแก่ และของฝากให้เลือกสรรกันเยอะเลย แต่วันนี้ผู้คนบางตาไปหน่อย
วัดม่วง

ไม่รอช้าแวะซื้อของฝากร้านดังกันก่อนเลยละกัน “ร้านนิรมิต”
วัดม่วง

วัดม่วง

ส่วนใหญ่จะเป็นขนมตำหรับดั้งเดิม ผมได้กลับมาชิมที่บ้าน ต้องยกนิ้วให้เค้าเลยล่ะ
วัดม่วง

เมื่อซื้อของฝากกันเสร็จแล้ว ต่อไปก็ได้เวลาอาหารเที่ยงกันแล้วล่ะ ขับรถย้อนออกมานิดเดียวครับ ร้านอาหารนิรมิต (ขอแผนที่ได้จากร้านขายของฝากในตลาดได้เลยครับ)
มีมุมให้คอกาแฟได้แวะชิมรสชาดกันซะด้วย
วัดม่วง

โต๊ะอาหารนั้น มีทั้งแบบนั่งในแพ หรือนั่งริมน้ำ
วัดม่วง

แต่ผมเลือกที่จะนั่งในห้องแอร์ครับ เพราะตอนนี้มันร้อนมากกกกกกกกก
วัดม่วง

ขอคลายร้อนด้วยไอติมก่อนแล้วกันนะ (อื้มมม ชื่นจายยยยยย)
วัดม่วง

เนื่องจากได้เดินกินขนมในตลาดศาลเจ้าโรงทอง มาบ้างแล้ว เลยสั่งอาหารมากินเล่นแค่สองอย่างครับ ….ทอดมัน.
วัดม่วง

จานต่อไป (ผมจำเมนูไม่ได้) แต่ทำมาจากปีกไก่ …
วัดม่วง

เมื่ออิ่มหนำสำราญ และสบายกาย(ตากแอร์)กันแล้ว เป้าหมายต่อไปคือ ไปสักการะ พระนอน วัดขุนอินทประมูล
วัดม่วง

ตามข้อมูลนั้น เป็นพระนอนที่ยาวที่สุดในประเทศไทย คือยาว 20 เมตร ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง
วัดม่วง

จุดน่าสนใจของวัดนี้ ก็คงมีเพียงแค่นี้ครับ ตอนนี้แดดร้อนมาก ผมต้องขอตัวไปพักสักหน่อย …
อ้ออย่าลืมซื้อปลาร้าสับมาฝากคนทางบ้านด้วยนะครับ รับประกันว่า…แซ่บอย่างแรง
วัดม่วง

จากนั้นก็ย้อนกลับเข้าตัวเมืองอีกครั้งเพื่อแวะไปสักการะ สมเด็จพระศรีเมืองทอง พระประธานปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย องค์มหึมา (ทำไมจังหวัดนี้มีพระใหญ่เยอะจัง อิอิ)
วัดม่วง

ที่ระฆังมีป้ายบอกว่า ตีดังสตางค์ใส่ตู้(บริจาค) เท่าที่ผมสังเกต ไม่ว่าใครก็ตีดังกันทุกคน อิอิ
วัดม่วง

สีภายในอุโบสถ กับสีทองขององค์สมเด็จพระศรีเมืองทอง สวยงามมาก ๆ ครับ
วัดม่วง

นี่ก็สี่โมงเย็นแล้วครับ ผมคงต้องขอตัวกลับ กทม ก่อนล่ะครับ เจ้าถิ่นแถวนั้นเค้าก็มีน้ำใจ ตามมาจากข้างในมาส่งถึงหัวบันได้ข้างนอกกันเลยทีเดียว อิอิ
วัดม่วง

ขอบคุณที่ติดตามกันเช่นเคยนะครับ …นายหัว

อุปกรณ์:
กล้องดิจิตอล : Olympus E3
เลนส์ : Zuiko 11-22 f/2.8-3.5